ดาวโจนส์ปิดร่วง 208 จุด เงินเฟ้อสูงเกินคาด หวั่นเฟดขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 0.75%

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 208 จุด เงินเฟ้อเดือนมิ.ย. พุ่ง 9.1% สูงเกินคาด สูงสุดในรอบ 40 ปี นักลงทุนกังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 0.75% ทำตลาดผันผวนตลอดทั้งวัน ราคาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้น 46 เซนต์ ขึ้นมาปิดที่ 96.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จับตาการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 13 กรกฎาคม 2565 ปิดที่ 30,772.79 จุด ลดลง 208.54 จุด หรือ 0.67% หลังจากเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนเพิ่มสูงเกินกว่าคาด และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1981 ทำให้กังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเร่งดำเนินนโยบายการเงินเพื่อคุมเงินเฟ้อ

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,801.78 จุด ลดลง 17.02 จุด, -0.45%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,247.58 จุด ลดลง 17.15 จุด, -0.15%

กระทรวงแรงงานรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 9.1% จากระยะเดียวกันของปีก่อน สูงกว่า 8.8% ที่นักวิเคราะห์คาดและเป็นการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายปีมากสุดนับตั้งแต่ปี 1981 เป็นผลราคาน้ำมันที่สูงเป็นประวัติการณ์

เมื่อเทียบรายเดือนเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 1.3% จากเดือนพฤษภาคม ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน ไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 5.9% จากระยะเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบรายเดือน

หุ้นผันผวนตลอดทั้งวันเนื่องจากนักลงทุนวิเคราะห์ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุด โดยในช่วงหนึ่งดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงถึง 466 จุด ดัชนี Nasdaq และ S&P ตกลงมากกว่า 2% และ 1.5% ตามลำดับ

เงินเฟ้อที่ยังคงพิ่มขึ้นทำให้เชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์เช่นกัน และยังคาดว่าอาจจะปรับขึ้นมากกว่านี้อีกเพื่อคุมระดับราคา

ไมเคิล ชูมัคเกอร์ จาก Wells Fargo กล่าวว่า Fed funds futures ส่งสัญญานความน่าจะในการปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.81% ในการประชุมเดือนกรกฎาคม ซึ่งหมายความว่าตลาดคาดว่าจะมีการปรับดอกเบี้ยขึ้นมากกว่า 0.75% หรือ 1% ก็เป็นไปได้

เงินเฟ้อที่ร้อนแรงยังทำให้เกิดคำถามว่าเงินเฟ้อมาถึงจุดสูงสุดแล้วหรือไม่

เจฟฟ์ คิลเบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนและผู้จัดการพอร์ตของ Sanctuary Wealth กล่าวว่า ในขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาบ้านก็ลดลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าราคาที่สูงขึ้นอาจไม่ปรับขึ้นต่อ

เจอเรมี ซีเกล ศาสตราจารย์ด้านการเงินจาก Wharton School of Business ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียให้สัมภาษณรายการ Halftime Report” ของสถานโทรทัศน์ CNBC ว่า ราคาน้ำมันที่ลดลงหลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิถุนายนอาจส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อชะลอตัว

แต่เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นทำให้วิตกว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น นักเศรษฐศาสตร์ของ Bank of America กล่าวว่า คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะถดถอยเล็กน้อยในปลายปีนี้ เนื่องจากการเติบโตของ GDP ที่แท้จริงลดลง และคาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.6% ในปี 2566

รายงานผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจของเฟดหรือ Beige Book ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธชี้ให้เห็นถึงความวิตกภาวะถดถอยที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับเชื่อว่าเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นจะคงอยู่อย่างน้อยก็จนถึงสิ้นปี โดยผลสำรวจจาก 12 เขต ระบุว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตในระดับปานกลาง นับตั้งแต่รายงานครั้งล่าสุดเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม

นอกจากรายงานเงินเฟ้อแล้ว นักลงทุนยังคงติดตามผลประกอบการไตรมาสสองเพื่อประเมินสถานะของบริษัทในสหรัฐฯ หุ้นเดลต้าแอร์ไลน์ลดลง 4.5% หลังจากรายงานผลการดำเนินไร้ทิศทาง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มสายการบินลดลง โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ลดลง 0.9% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ลดลง 4.5%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมลดลง โดยหุ้นโบอิ้ง ลดลง 2.2% หุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ ลดลง 0.4% หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง โดยหุ้นอัลฟาเบท ลดลง 2.3% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.3%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลง หลังเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนของสหรัฐฯเพิ่มสูงเกินคาด ทำให้นักลงทุนจับตาการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ

อังกฤษรายงานเศรษฐกิจเดือนพฤษภาคมขยายตัวเกินคาดโดย GDP เพิ่มขึ้น 0.5% เป็นการขยายตัวดีที่สุดในรอบ 5 เดือน และดีกว่า 0% ที่นักวิเคราะห์คาด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 412.81 จุด ลดลง 4.23 จุด, -1.01%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,156.37 จุด ลดลง 53.49 จุด, -0.74%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,000.24 จุด ลดลง 43.96 จุด, -0.73%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,756.32 จุด ลดลง 149.16 จุด, -1.16%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 96.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือน เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 99.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล