HoonSmart.com>> “บล.บัวหลวง” แนะจัดพอร์ตกองทุนรวมไตรมาส 3/65 รับมือเศรษฐกิจโลกเสี่ยงถดถอย ชูกลุ่ม Defensive ติดพอร์ต เพิ่มนำหนัก Healthcare” เชื่อ Outperform ตลาดได้ พร้อม OVERWEIGHT หุ้นสหรัฐ มองโอกาสพลิกลับได้เร็วๆ นี้ เชื่อเงินเฟ้อผ่านจุดพีคไปแล้วในไตรมาส 3 ด้านนโยบายการเงินผ่อนคลายของญี่ปุ่นยังหนุน “ตลาดหุ้นญี่ปุ่น” ต่อ ฟาก “หุ้นไทย” เชื่อเงินเฟ้อและบอนด์ยีลด์จะคลี่คลายลงหนุนอัพไซด์ SET ในระยะสั้นจำกัด ส่วน “หุ้นเวียดนาม” มองผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เศรษฐกิจแกร่ง ยังคง OVERWEIGHT “ตลาดหุ้นญี่ปุ่น-ไทย-เวียดนาม” ส่วนหุ้นจีนแนะ NEUTRAL

บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง แนะนำจัดพอร์ตกองทุนรวม ไตรมาส 3 ปี 2565 หลังผ่านครึ่งแรกของปีที่ท้าทายสำหรับนักลงทุน ตลาดหุ้นทั่วโลกเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนจากความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและยังไม่มีท่าทีว่าจะลดลง หลังราคาพลังงาน สินค้าโภคภัณฑ์และอาหารปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากผลของสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ประกอบกับปัญหาอุปทานตึงตัว (Supply Shortage) ซึ่งเป็นผลจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ธนาคารกลางหลายประเทศจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นจนนักลงทุนเกรงว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession)
ด้านจีนหลังจากที่ปรับตัวลงในช่วงก่อนหน้าจากการควบคุมและการออกกฎระเบียบของทางการจีน (Regulatory Risk) และนโยบาย zero-COVID ที่ทำให้เศรษฐกิจชะงักไปก็เริ่มฟื้นกลับมะหนุนจาก 1) การที่รัฐบาลเร่งออกพันธบัตร (1,060 พันล้านหยวนในเดือน พ.ค. เทียบกับ 391 พันล้านหยวนในเดือน เม.ย.) และ 2) การเติบโตที่แข็งแกร่ง ของสินเชื่อด้านการเรียกเก็บเงินและสินเชื่อธุรกิจระยะสั้น ท่ามกลางคำแนะนำของ PBOC เพื่อสนับสนุนธุรกิจ SMEs
“บล.บัวหลวงคาดว่าปัจจัยหนุนจากสินเชื่อจีนกลับมาเป็นบวกในไตรมาส 3/65 หนุนจากการใช้จ่ายในโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯและนโยบายของธนาคารกลางที่ผ่อนคลาย แม้ว่าอัพไซด์จะจำกัดจากนโยบาย zero-COVID ก็ตาม
BLS Top Funds แนะจัดพอร์ตฝ่าวิกฤติ Recession ด้วยการกระจายลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ผ่าน BLS Top Funds Portfolio และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น Defensive อย่างกลุ่ม Healthcare
ด้าน BLS Top Funds Portfolio ยังคงน้ำหนักการลงทุนในทุกสินทรัพย์ โดยผลตอบแทนพอร์ตแบบอนุรักษ์นิยม (Conservative) แบบความเสี่ยงปานกลาง (Moderate) และแบบเชิงรุก (Aggressive) ให้ผลตอบแทนในสกุลเงินบาทนับจากต้นปี ที่ระดับ 2.5%, -6.5% และ -8.3% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม มองว่าแรงกดดันจากเงินเฟ้อจะลดลงในครึ่งหลังของปี 2565 และปัญหาห่วงโซ่อุปทานจะคลี่คลาย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในไตรมาส 3/2565 ยังคง OVERWEIGHT หุ้นสหรัฐ โดยมองราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ปรับตัวลดลงช่วยคลายความกังวลเรื่องของเงินเฟ้อ ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูง ราคาน้ำมันและบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวลงหลักๆ ได้รับแรงหนุนจากความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัว อย่างไรก็ตาทรายได้ส่วนบุคคลและตัวเลขการจ้างงานยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องตลอดครึ่งแรกของปี 2565 ดังนั้นหวังว่านโยบายการเงินที่เข้มงวดของเฟดจะถึงจุดพีคในไตรมาส 3/2565 โดยเชื่อว่าหุ้นสหรัฐมีโอกาสที่จะพลิกลับได้เร็วๆ นี้ เมื่ออัตราเงินเฟ้อผ่านจุดพีคไปแล้ว
ส่วนตลาดหุ้นจีนอยู่ในช่วงสุดท้ายของตลาดหมีแลฯความสมดุลของผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยงอาจมีอัพไซด์ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ตลาดจีนร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในวันที่ 15 มี.ค. ที่ระดับ PER 8.5 เท่า และมีการรีบาวด์ขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย. ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนเมืองภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องและและการผ่อนคลายนโยบายอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การกลับมาระบาดของโควิดในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งส่งผลให้ตลาดไม่มั่นใจต่อการปรับขึ้นของตลาดว่าจะมีความต่อเนื่องหรือไม่ก็ยังคงต้องติดตามต่อ จึงแนะนำ “NEUTRAL”
ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปรับตัวได้ดีกว่าตลาดอื่นในช่วงตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นขาลง ในมุมมองของหลักทรัพย์บัวหลวง อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นที่ไม่สูงนักและแนวโน้มนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายหนุนต่อการเติบโตของกำไรของภาคธุรกิจ ขณะที่มูลค่าหุ้นได้ปรับลดลงมาบ้างแล้ว นอกจากนี้ ตัวเลขคาดการณ์กำไรต่อหุ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้าสำหรับตลาดหุ้น NIKKEI นั้นปัจจุบันอยู่สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิดเกือบ 36% แต่แนวโน้มการเติบโตของกำไรต่อหุ้นที่แข็งแกร่งนี้ยังไม่ได้สะท้อนเข้าไปในราคาหุ้นมากนัก เชื่อว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของญี่ปุ่นจะยังคงหนุนตลาดหุ้นต่อ ยังคงแนะนำ “OVERWEIGHT”
ส่วนตลาดหุ้นไทย ความไม่มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อและบอนด์ยีลด์จะคลี่คลายลงจะจำกัดอัพไซด์ของ SET ในระยะสั้น หากเปรียบเทียบกับยีลด์พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปีที่อยู่ใกล้ 3.2% และของพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ 2.9% ส่วนต่างผลตอบแทนตลาด SET ยังคงอยู่ในโซนที่เกือบแพง บ่งบอกเป็นนัยถึงอัพไซด์ที่จำกัดในระยะสั้น อย่างไรก็ตามหากข้อมูลในอนาคตแสดงถึงแนวโน้มที่ผ่อนคลายลงบอนด์ยีลด์คาดจะปรับตัวลง เปิดโอกาสให้ SET ปรับตัวขึ้นได้ จึงยัง แนะนำ “OVERWEIGHT”
ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามยังคงผันผวนในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและความกังวลต่อการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก อย่างไรก็ตามดัชนีหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มที่จะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หนุนจากเศรษฐกิจประเทศเวียดนามที่แข็งแกร่งแม้จะอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่แน่นอนจากรายงาน Vietnam Macro Monitoring ของธนาคารโลกเดือน มิ.ย. การผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น ชี้ให้เห็นถึงสัญาณการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็ฟื้นตัวขึ้น แนะนำ “OVERWEIGHT” ตลาดหุ้นเวียดนาม
นอกจากนี้ยังคงแนะนำ “NEUTRAL” ในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และรีม ทองคำ
สำหรับนักลงทุนที่จัดพอร์ตด้วยตัวเอง การลงทุนช่วง Late Cycle ที่การเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัว เงินเฟ้อสูงขึ้น การเลือกลงทุนในกลุ่มที่ต่อต้านเงินเฟ้ออย่างตราสารหนี้ปกป้องเงินเฟ้อที BLS Top Funds แนะนำคือ กองทุน KTAM Infation Linked Fund (KTILF) ลงทุนในพันธบัตรไทยที่จ่ายผลตอบแทนผันแปรตามเงินเฟ้อ และหุ้นต้องมีติดพอร์ตคือกลุ่ม Defensive ที่มีความจำเป็น มีรายได้ค่อนข้างแน่นอน ไม่ขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจ อย่างกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่ม Healthcare ที่จะ Outperform ตลาดได้
