ดาวโจนส์ปิดลบ 46 จุด จ้างงานดีกว่าคาดหนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75%

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 46 จุด ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 372,000 ตำแหน่ง สูงกว่าคาดที่ 250,000 ตำแหน่ง อัตราว่างงานทรงตัว เป็นสัญญาณหนุนธนาคารกลางสหรัฐฯ แน่วแน่กับแผนการขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก ขึ้นอีก 0.75% ปลายมิ.ย.นี้ ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2% WTI ปิด 104.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.06 ดอลลาร์ ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ปิดที่ 31,338.15 จุด ลดลง 46.40 จุด หรือ 0.15% แม้ข้อมูลตลาดแรงงานเดือนมิถุนายนดีกว่าคาด

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,899.38 จุด ลดลง 3.24 จุด, -0.08%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,635.31 จุด เพิ่มขึ้น 13.96 จุด, +0.12%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 0.8% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.9% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 4.5%

กระทรวงแรงงานรายงานเมื่อวานนี้ว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 372,000 ตำแหน่ง สูงกว่า 250,000 ตำแหน่ง ที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% ตามคาด

นักวิเคราะห์จาก BMO Wealth Management กล่าวว่า รายงานการจ้างงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ่อนตัวเมื่อเร็วๆนี้ทำให้มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะ “soft landing” จึงเป็นปัจจัยหนุนตลาด และความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจจะถดถอยแบบฉับพลันอาจจะคลี่คลายไปเล็กน้อย

เคธี บอสยานนิก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Oxford Economics ระบุในบทวิเคราะห์ว่ารายงานการจ้างงานเดือนมิถุนายนแสดงให้เห็นอย่างมั่นใจว่าแม้จะมีความกังวลเรื่องภาวะถดถอยเพิ่มขึ้น แต่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง

นักลงทุนมองว่า ข้อมูลตลาดแรงงานที่ดีกว่าคาดเป็นสัญญาณว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะยังคงแน่วแน่กับแผนการขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุก โดยจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในปลายเดือนเดือนนี้

นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวว่า เขาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ค.นี้อย่างเต็มที่ ขณะที่นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์กยอมรับว่า อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

หลังการรายงานข้อมูลจ้างงานอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปียังคงสูงกว่าอายุ 10 ปี เป็นการบ่งชี้ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับขึ้นโดยหุ้น Centene Corp และหุ้น McKesson ต่างปรับขึ้นกว่า 3% หุ้นโมเดอร์นาและหุ้น Regeneron ต่างปรับขึ้นกว่า 2%

หุ้นเทสลาเพิ่มขึ้น 2.5%

หุ้นธุรกิจท่องเที่ยวลดลง โดยหุ้นซีซารส์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ลดลง 4.7% และหุ้นคาร์นิวาลคอรป์ลลง 3.4%

ฤดูกาลการรายงานผลประกอบการไตรมาสสองจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า จากธนาคารใหญ่ และรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิถุนายนซึ่งกำหนดเผยแพร่วันพุธจะเป็นประเด็นสำคัญสำหรับนักลงทุน

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 3.2% หลังจากนักลงทุนรับรู้ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิถุนายนของสหรัฐฯที่ดีกว่าคาดซึ่งเปิดทางให้ธนาคารกลางสหรัฐฯปรับขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 0.75% ในการประชุมเดือนนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนเริ่มจับตาการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสสองของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 417.12 จุด เพิ่มขึ้น 2.11 จุด, +0.51%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,196.24 จุด เพิ่มขึ้น 7.16 จุด, +0.1%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,033.13 จุด เพิ่มขึ้น 26.43 จุด, +0.44%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,015.23 จุด เพิ่มขึ้น 172.01 จุด, +1.34%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 104.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 2.37 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 107.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล