HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 129 จุด นักลงทุนยังกังวลเศรษฐกิจถดถอย ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลดลงหนุนกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 194.39 จุด ดัชนี S&P500 ขยับบวก 6 จุด ด้านราคาน้ำมันดิบร่วงแรง 8.93 ดอลลาร์ กว่า 8.2% ปิดที่ 99.50 ดอลลาร์/สหรัฐฯ ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดปรับตัวลดลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ปิดที่ 30,967.82 จุด ลดลง 129.44 จุด หรือ 0.42% แม้ช่วงบ่ายจะปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงหนุนกลุ่มเทคโนโลยีให้ปรับตัวขึ้น
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,831.39 จุด เพิ่มขึ้น 6.06 จุด, +0.16%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,322.24 จุด เพิ่มขึ้น 194.39 จุด, +1.75%
การเคลื่อนไหวของตลาดเป็นไปตามข้อมูลเศรษฐกิจที่รายงานในวันศุกร์ที่ยังมีทิศทางต่างกัน แต่แสดงให้เห็นว่าภาคเศรษฐกิจหลักยังอ่อนตัว โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(Purchasing Managers’ Index)ภาคการผลิตเดือนมิถุนายนแม้จะปรับขึ้นมาที่ 52.7 จาก 52.4 ในเดือนก่อนหน้า แต่ยังต่ำกว่าเดือนกรกฎาคม 2020
ขณะที่ดัชนีภาคการผลิตของสถาบันจัดการอุปทาน(Institute for Supply Management) เดือนมิถุนายนลดลงไปต่ำกว่า 53.0 ที่คาดจาก 56.1 ในเดือนพฤษภาคม เพราะคำสั่งซื้อหดตัวครั้งแรกในรอบ 2 ปี สะท้อนความต้องการที่ชะลอตัว
ข้อมูลคำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพฤษภาคมจากกระทรวงพาณิชย์ที่รายงานเมื่อวานนี้เพิ่มขึ้น 1.6% จาก 0.7% ในเดือนเมษายน โตกว่า0.5% ที่นักวิเคราะห์คาด
ขณะเดียวกันเกิดภาวะ inverted yield curve อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีปรับขึ้นมาที่ 2.792% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอยู่ที่ 2.789% ซึ่งเป็นสัญญานบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
เอียน ลินเจน จาก BMO กล่าวว่า ภาวะ inverted yield curve อาจจะบอกไม่ได้ว่าเป็นตัวบ่งชี้โดยตรงว่ามีภาวะถดถอยแต่สะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอย
นักลงทุนจับตา GDP จากเฟดสาขาแอตแลนตาที่จะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งใหม่ในวันที่ 7 กรกฎาคม ซึ่งคาดการณ์ว่าไตรมาสสองจะหดตัว 2.1% ซึ่งหากติดลบตามคาดก็จะเป็นการหดตัวติดต่อกันสองไตรมาส จึงถือเป็นการถดถอยทางเทคนิค หลังจากไตรมาสแรกเศรษฐกิจหดตัว 1.6%
โดยรวมยังมีความท้าทาย จากสัญญานการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั้งในแง่ข้อมูลเศรษฐกิจ ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน และอื่นๆ
หุ้นที่เติบโตตามวัฏจักรเศรษฐกิจปรับตัวลง โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ลดลง 2.5% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ลดลง 2.4% หุ้น ฟรีพอร์ต-แมคมอแรน ธุรกิจเหมืองแร่ลดลง6.6% แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่อ่อนตัวลงหนุนกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นซูมวิดีโอเพิ่มขึ้น 8.5%
โมฮัมหมัด เอล-เอเรียน ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจจาก Allianz กล่าวว่า ตลาดรับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และรับความจริงว่าเฟดถูกกดดันให้ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อชะลอเศรษฐกิจลง
หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 8% หลุดจากระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 3.1% หุ้นเชฟรอน ลดลง 2.6%
หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ปรับตัวขึ้นและเป็นแรงหนุนตลาดให้ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดของวัน โดยหุ้นแอมะซอนและหุ้นไนกี้ต่างบวกกว่า 3% หุ้นทาร์เก็ตร้านค้าปลีกบวก 2.3%
หุ้นฟอร์ดลดลง 1% หลังยอดขายไตรมาสสองเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด
นักลงทุนยังรอข้อมูลตลาดแรงงานในวันศุกร์ ซึ่งคาดว่าการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิถุนายนจะเพิ่มขึ้น 250,000 ตำแหน่งต่ำกว่า 390,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม ส่วนอัตราว่างงานคาดว่าจะทรงตัวที่ 3.6%
นอกจากนี้นักลงทุนยังจับตาว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ภายในสัปดาห์นี้อาจจะประกาศยกเลิกการเก็บภาษีสินค้านำเข้าบางส่วนจากจีนที่บังคับใช้ในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจจะช่วยบรรเทาเงินเฟ้อ
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มน้ำมันและก๊าซที่ลดลง 6.3% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอย จากการดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดของธนาคารกลางหลายประเทศ
เงินยูโรอ่อนค่า 1.5%ไปที่ระดับต่ำสุดรอบ 2 ทศวรรษที่ระดับ 1.0265 ต่อดอลลาร์ หลังราคาก๊าซพุ่งขึ้นและสงครามในยูเครนไม่มีแนวโน้มจะยุติ
ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจจาก Sentix( Sentix Economic Index ) เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ -26.4 ลดลงจาก -15.8 แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนจาก 19 ประเทศสมาชิกยูโรโซนลดลงไปที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2020 เพราะเชื่อว่าเลี่ยงไม่พ้นที่จะเศรษฐกิจจะถดถอย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 400.68 จุด ลดลง 8.63 จุด, -2.11%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,025.47 จุด ลดลง 207.18 จุด, -2.86%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,794.96 จุด ลดลง 159.69 จุด, -2.68%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,401.20 จุด ลดลง 372.18 จุด, -2.91%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมลดลง 8.93 ดอลลาร์ หรือ 8.2% ปิดที่ 99.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนกันยายน 10.73 ดอลลาร์ หรือ 9.5% ปิดที่ 102.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล