HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐทรุดลง ดาวโจนส์ -1.56% ส่วนดัชนีแนสแด็กดิ่งลงแรง -2.98% หลังดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐทรุดตัวลงสู่ระดับ 98.7 เดือนมิ.ย. ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2556 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 100 ไม่สนใจจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 จับตาตัวเลข GDP ไตรมาส 2 หดตัว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 491.27 จุด หรือ 1.56% ปิดที่ 30,946.99 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 78.56 จุด หรือ 2.01% ปิดที่ 3,821.55 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 343.01 จุด หรือ 2.98% ปิดที่ 11,181.54 จุด
ในช่วงแรกดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มเปิดเมือง ขานรับจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 และหุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นด้วย โดยมีการประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่าธนาคารส่วนใหญ่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test)
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง หลังผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐทรุดตัวลงสู่ระดับ 98.7 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2556 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 100.0 จากระดับ 103.2 ในเดือนพ.ค.ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และความวิตกที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ดัชนีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันร่วงลงสู่ระดับ 147.1 ขณะที่ดัชนีคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้าดิ่งลงสู่ระดับ 66.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2556 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 80 บ่งชี้ถึงการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยในช่วงสิ้นปี
นักลงทุนจับตาตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1/2565 ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.5% จากเดิมรายงานว่าหดตัวเพียง 1.4% ในตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.3%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 1/65 ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยในช่วงต้นปี 2563 หากหดตัวต่อไปในไตรมาส 2ก็จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่า ราคาบ้านในสหรัฐได้เริ่มชะลอตัวในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 20.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าระดับ 20.6% ในเดือนมี.ค. มีเพียง 9 ใน 20 เมืองที่รายงานราคาบ้านเพิ่มขึ้น จากเดิมที่เมืองส่วนใหญ่ใน 20 เมืองรายงานการเพิ่มขึ้นของราคาบ้าน
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดที่อยู่อาศัยเริ่มชะลอตัวลงจากการที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองดีดตัวขึ้น ส่งผลให้ยอดขายบ้านและราคาบ้านปรับตัวลง ขณะที่สต็อกบ้านเริ่มเพิ่มมากขึ้น
ด้านราคาน้ำมันดิบเช้านี้ร่วงลง BRINT -0.63 ดอลลาร์ หรือ -0.58% ซื้อขายที่ 117.29 ดอลลาร์ และ WTI ลดลง -0.40 ดอลลาร์ ซื้อขายที่ 111.38 ดอลลาร์/บาร์เรล