ซีพี ออลล์-เซเว่น จับมือ 10 พันธมิตร “ภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง” ดูแลสิ่งแวดล้อมยั่งยืน 

HoonSmart.com>>ซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น ผนึกกำลัง 10 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ อาทิ เอสซีจี เคมิคอลส์ , เอสซีจี แพคเกจจิ้ง, ยูนิลีเวอร์ ร่วมต่อยอด “ภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง” สู่ภาคีเครือข่ายด้านการจัดการขยะที่แข็งแกร่งที่สุดในไทยรวบรวมผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม แก้ปัญหาขยะร่วมกัน พร้อมพัฒนา Green Learning Network หวังขยายภาคีเครือข่ายสูโรงเรียน CONNEXT ED 5,567 แห่งทั่วประเทศ ลดปริมาณขยะอย่างยั่งยืน

นายประสิทธิ์ ฉกาจธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักกิจการสังคมและสิ่งแวดล้อม บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับอีก 10 องค์กร ประกอบด้วย 1.บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) 2.บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) 3.บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง (Unilever) 4.บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค 5.บริษัท ไทย เบเวอร์เรจ แคน 6.บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) 7.กลุ่มอำพลฟูดส์ (AMPOLFOOD Group8.บริษัท สถานีรีไซเคิล วงษ์พาณิชย์สุวรรณภูมิ 9.บริษัท อีโค่ เฟรนด์ลี่ ไทย  และ 10.วัดจากแดง ร่วมเป็นสมาชิกภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง ต่อยอดให้กลายเป็นภาคีด้านการจัดการขยะที่แข็งแกร่งที่สุดในไทย พร้อมทั้งสร้างระบบนิเวศการจัดการขยะครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ

สำหรับภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นขยายผลความสำเร็จโครงการต้นกล้าไร้ถังของโรงเรียนอนุบาล ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้โครงการ CONNEXT ED ที่ซีพี ออลล์ ดูแล ซึ่งสามารถช่วยกันปลูกฝังเยาวชนในโรงเรียนให้ช่วยกันลด ละ เลิกการใช้สิ่งที่สามารถกลายมาเป็นขยะ คัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง สร้างรายได้กลับสู่โรงเรียน จนสามารถลดปริมาณขยะจากเดือนละ 15 ตัน เหลือเพียงเดือนละ 2 กิโลกรัม ที่ผ่านมา ได้มีการขยายเครือข่าย ไปปฏิบัติแล้วจำนวน 2 รุ่น หรือมากกว่า 153 โรงเรียน กำลังขยายสู่รุ่นที่ 3 ในปีนี้เพิ่มอีก 47 โรงเรียน รวมถึงมีโรงเรียนและชุมชนนอก CONNEXT ED อีก 243 แห่ง

ขณะที่การขยายเครือข่ายไปยังฝั่งเอกชนในครั้งนี้ นับเป็นการรวบรวมผู้เกี่ยวข้องในระบบนิเวศการจัดการขยะเข้าด้วยกันอย่างครบวงจร ประกอบด้วย ได้แก่ 1.กลุ่มผู้ให้ความรู้ เช่น ซีพี ออลล์และโรงเรียนอนุบาลทับสะแก ทำหน้าที่สนับสนุนงบประมาณ ประสานหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชน ให้แนวทางการ จัดหลักสูตรท้องถิ่น “ต้นกล้าไร้ถัง” สนับสนุนวิทยากรถ่ายทอดแก่ผู้สนใจ 2.กลุ่มผู้ลงมือปฏิบัติ ได้แก่ โรงเรียนและชุมชนในภาคี ร่วมขับเคลื่อนการคัดแยกวัสดุรีไซเคิลออกจากขยะในโรงเรียน ชุมชนของตัวเอง

3.กลุ่มผู้รับจัดส่งวัสดุและบันทึกข้อมูล ได้แก่ บริการ Speedของเซเว่น อีเลฟเว่น ทำหน้าที่ตัวกลางในการจัดส่งวัสดุให้สมาชิกภาคีไปยังโรงงานรีไซเคิลโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และเว็บแอปพลิเคชัน “คุ้มค่า” (KoomKahของ SCGC ดิจิทัลโซลูชันที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการข้อมูลให้ธนาคารขยะอย่างมีประสิทธิภาพ  เว็บแอปพลิเคชัน “คุ้มค่า” (KoomKahช่วยบันทึกปริมาณน้ำหนักวัสดุแต่ละชนิด แปลงค่าออกมาเป็นคะแนน และจำนวนเงิน พร้อมเก็บข้อมูลผู้ฝาก (สมาชิกธนาคาร) ผู้รับซื้อ (ซาเล้ง ร้านค้าย่อย ร้านค้าใหญ่) ประวัติการฝาก รวมถึงคำนวณปริมาณก๊าซเรือนกระจก (คาร์บอนไดออกไซด์) ที่ลดลงจากการรีไซเคิล เพื่อสะท้อนผลลัพธ์การจัดการ สู่กลุ่มภาคีเครือข่ายและสังคมเพื่อรับรู้ถึงความก้าวหน้าในโครงการต่อไป

4.กลุ่มผู้รีไซเคิล ได้แก่ อีโค่ เฟรนด์ลี่ ไทย, SCGC และ SCGP  ทำหน้าที่รับซื้อ รีไซเคิล หรืออัปไซเคิลวัสดุที่ตัวเองมีความเชี่ยวชาญ เช่น กล่องยูเอชที กระดาษ ถุงนมโรงเรียน กระป๋อง ไปเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ แล้วส่งกลับไปให้โรงเรียนต่างๆ นำไปใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง 5.กลุ่มผู้รวบรวมจัดเก็บ ได้แก่ วงษ์พาณิชย์ และวัดจากแดง ทำหน้าที่รับซื้อ รับแลกวัสดุประเภทพลาสติก ขวดพลาสติก เศษอาหาร เพื่อนำไปจำหน่ายต่อ รียูส หรือแปรรูปลักษณะอื่นต่อไป 6.กลุ่มเจ้าของผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ยูนิลีเวอร์ และกลุ่มอำพลฟูดส์ ทำหน้าที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเครือข่ายและลูกค้า พร้อมสนับสนุนสินค้าบริโภคอุปโภคและงบประมาณเพื่อให้เกิดกระบวนการในการใช้ประโยชน์ หรือแปรรูปวัสดุประเภทพลาสติกหลายชั้น และขวดพลาสติกประเภท HDPE ซึ่งแต่เดิมไม่มีการรับซื้อจากหน่วยรับซื้อ  7.กลุ่มผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ได้แก่บริษัท ไทย เบเวอร์เรจ แคน จำกัด ผู้ผลิตกระป๋องอลูมิเนียมเอส ไอ จี คอมบิบล็อค และเต็ดตรา แพ้ค ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องเครื่องดื่ม ทำหน้าที่ประสานงานกลุ่มบริษัทองค์กรต่างๆ รวมถึงสนับสนุนองค์ความรู้ เทคนิค วิธีการ และทรัพยากรเพื่อขับเคลื่อนกระบวนการในการจัดเก็บ รวบรวม ส่งต่อ และแปรรูปวัสดุรีไซเคิลไปยังปลายทางให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการนำกลับมาหมุนเวียนใช้ซ้ำ

“ความร่วมมือและการขยายภาคีครั้งนี้นำไปสู่การสร้าง 3 คือ 1.ภาคีเครือข่ายด้านการจัดการขยะที่แข็งแกร่งที่สุด 2.ระบบนิเวศการจัดการขยะที่ครบวงจรที่สุด และ 3.Green Learning Network ที่รวบรวมทั้งนักเรียน ครู ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน คนในชุมชน มาเรียนรู้ด้านการจัดการขยะร่วมกัน เราตั้งเป้าว่าจะเจรจากับพันธมิตร CONNEXT ED รายอื่นๆ ขยายผลการจัดการขยะตามโมเดลต้นกล้าไร้ถังไปสู่โรงเรียน CONNEXT ED ทั้งหมด 5,567 โรงเรียน และเปิดให้โรงเรียนและชุมชนอื่นๆ ที่สนใจมานำโมเดลไปใช้ ลดปริมาณขยะและมลภาวะอย่างยั่งยืนทุกพื้นที่ทั่วประเทศตั้งแต่ต้นทาง โดยซีพี ออลล์ จะช่วยเป็นแกนกลาง สนับสนุนงบประมาณ และประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง” นายประสิทธิ์กล่าว

ด้านนายนิวัฒน์ อธิวัฒนานนท์ ประธานคณะกรรมการ Innovation & Circular Economy บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์   (SCGC) กล่าวว่า ภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง ถือเป็นการสร้างระบบนิเวศการจัดการขยะที่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดย SCGC จะเข้ามาช่วยดำเนินการใน 2 ส่วน ได้แก่ 1.เว็บแอปพลิเคชัน “คุ้มค่า” (KoomKahเพื่อให้ทุกโรงเรียนสามารถเห็นผลลัพธ์การจัดการของตัวเอง พร้อมทั้งสะสมคะแนน   2.โครงการถุงนมกู้โลก ที่ผ่านมาถุงนมโรงเรียน เป็นขยะที่ไม่มีผู้รับซื้อจึงถูกกำจัดด้วยการฝังกลบ ทาง SCGC ได้ให้ความรู้เรื่องการจัดการขยะแก่เยาวชน พร้อมร่วมแก้ปัญหาการจัดการขยะกับทางโรงเรียนนำร่องที่ จ.ระยอง 

นอกจากนี้ พระครู ทิพากร อริโย รองเจ้าอาวาสวัดจากแดง กล่าวเสริมว่า ทางวัดจะเข้ามาช่วยทำหน้าที่ในการรับแลก บริจาควัสดุย่อยสลายประเภทอาหารหมดอายุ เศษอาหาร และรวมถึงพลาสติกทุกชนิด เพื่อส่งต่อไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ สินค้าบริโภคและอุปโภคอื่นๆ อาทิ ผลิตอาหารสัตว์เพื่อสงเคราะห์สุนัขและแมวจรจัด ผลิตใยผ้าจากขวดพลาสติกเพื่อนำมาทอและตัดเย็บเป็นผ้าสบงจีวร ผลิตและแปรรูปเป็นน้ำหมักชีวภาพ ผลิตภัณฑ์จากน้ำหมักชีวภาพ ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยหมักปุ๋ยอินทรีย์ รวมถึงผลิตเป็นแก๊สชีวภาพ หรือแก๊สหุงต้มไว้ใช้งานภายในโรงครัวของวัดเพื่อทำนุบำรุงพระสงฆ์ผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป

นางสาวรัตนศิริ ติลกสกุลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กล่องนม และกล่องเครื่องดื่ม UHT นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์ในโรงเรียนและชุมชน โดย เต็ดตรา แพ้ค ในฐานะผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องเครื่องดื่ม วางเป้าหมายการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างเหมาะสมและยั่งยืน ตั้งแต่การออกแบบ จัดหาวัสดุอย่างรับผิดชอบ ไปจนถึงเมื่อสิ้นสุดการใช้งาน โครงการนี้ ได้เปิดโอกาสให้บริษัทได้ทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และบรรจุภัณฑ์ เพื่อสนับสนุนและเพิ่มศักยภาพของโรงงานรีไซเคิล 

ด้านนายสมยศ วัฒน์พานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีโค่ เฟรนด์ลี่ ไทย จำกัด กล่าวว่า การรับซื้อกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วให้กลับเข้ามาสู่กระบวนการรีไซเคิลภายใต้โครงการนี้ ยังเป็นการเพิ่มปริมาณวัตถุดิบให้สอดคล้องกับกำลังการผลิตของโรงงานรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มของบริษัท ซึ่งในปัจจุบันพบว่าปริมาณวัตถุดิบมีไม่เพียงพอต่อกำลังการผลิต โดยกล่องที่รวบรวมได้เพื่อใช้ในการผลิตมีปริมาณเพียง 100 ตันต่อเดือน ในขณะที่มีความต้องการกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วเพื่อนำกลับมาใช้ในการรีไซเคิลจำนวนมาก อย่างน้อย 500 ตันต่อเดือน

สำหรับบริษัท ซีพี ออลล์  เป็นหนึ่งในพันธมิตรผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์ อีดี (CONNEXT ED) และเป็น 1 ใน 44 องค์กรเอกชนที่เล็งเห็นความสำคัญและตอบรับการมีส่วนร่วมทางการศึกษา โดยขับเคลื่อนโครงการตามปณิธานองค์กร“ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสต่อกัน” วางเป้าดูแลโรงเรียนในโครงการ CONNEXT ED 5 เฟส จำนวนกว่า 600 แห่งทั่วประเทศ ร่วมสนับสนุนโรงเรียนให้สามารถดำเนินโครงการด้านต่างๆ ทั้งโครงการที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ โครงการพัฒนาคุณภาพคน โครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน โครงการส่งเสริมอาชีพ โครงการด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้นำรุ่นใหม่ หรือ School Partner ซึ่งเป็นอาสาสมัครจากในองค์กรร่วมลงพื้นที่และคอยให้คำแนะนำในการพัฒนาโครงการของโรงเรียนต่างๆ อย่างใกล้ชิด