ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 641 จุด จับตาประธานเฟดแถลงเศรษฐกิจรอบครึ่งปี

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งกว่า 2% ดัชนีดาวโจนส์ดีดกว่า 641 จุด แรงซื้อกลับหลังราคาร่วงแรงสัปดาห์ก่อน บอนด์ยีลด์ยังปรับตัวขึ้นไปแตะ 3.373% นักลงทุนจับตาประธานเฟดแถลงเศรษฐกิจรอบครึ่งปีในวันที่ 22-23 มิ.ย.นี้ ด้านราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวกเล็กน้อย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 21 มิถุนายน 2565 ปิดที่ 30,530.25 จุด พุ่งขึ้น 641.47 จุด หรือ 2.15% จากแรงช้อนซื้อกลับหลังจากร่วงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีหุ้นถึง 441 ตัวในดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปียังปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่ 3.373%

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,764.79 จุด เพิ่มขึ้น 89.95 จุด, +2.45%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,069.30 จุด พุ่งขึ้น 270.95 จุด, + 2.51%

นักลงทุนบางส่วนเกรงว่าการฟื้นตัวของตลาดจะเป็นภาวะชั่วคราว เพราะยังคงกังวลเกี่ยวภาวะเซรษฐกิจถดถอย ขณะที่นักลงทุนบางส่วนมองว่าตลาดถูกเทขายมากเกินหลังจากที่รับรู้แรงกดดันเงินเฟ้อ

มาร์ค เฮเฟเล่ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน จาก UBS กล่าวว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะถดถอยมีมากขึ้น และการที่เศรษฐกิจจะ soft landing ก็มีความท้าทายมากขึ้น ทั้งนี้ UBS ได้ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 index สำหรับปีหน้าลง 2% และปรับลด P/E ลงมาที่ 16.6 จาก 17.9

นักเศรษฐศาสตร์ของแบงก์ ออฟอเมริกา ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มมีความเป็นไปที่เศรษฐกิจจะโตน้อยและมีเงินเฟ้อสูง และมีโอกาส 40% ที่เศรษฐกิจจะถดถอยในปีหน้า อีกทั้งวิตกอย่างมากกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ตามเงินเฟ้อไม่ทันและกำลังเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อให้ทัน

ทางด้านดอยช์แบงก์คาดว่า การถดถอยของเศรษฐกิจจะเริ่มขึ้นในไตรมาสสามปี 2023 จากที่เติบโตเพียง 1.2% ในปี 2022 ซึ่งปรับลดลงจากคาดการณ์ 1.8%

นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ที่จะแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพุธที่ 22 มิถุนายน และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI แตะระดับ 110.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์และราคาน้ำมันดิบ Brent แตะระดับ 114.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ โดยหุ้หุ้นชลัมเบอร์เจอร์ เพิ่มขึ้น 6.01% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 4.22% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 6.22%

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น โดยหุ้นแอมะซอน เพิ่มขึ้น 2.3% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 3.3% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 4.11% หุ้นNvidia เพิ่มขึ้น 4.3%

หุ้นเคลล็อก เพิ่มขึ้นราว 2% หลังบริษัทประกาศว่าจะแยกธุรกิจออกเป็น 3 บริษัท

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) รายงาน ยอดขายบ้านมือสองเดือนพฤษภาคมลดลง 3.4% สู่ระดับ 5.41 ล้านยูนิต เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นำโดยกลุ่มรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 1.5% ตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ฟื้นตัวหลังผันผวนหนักในสัปดาห์ที่แล้ว จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางประเทศหลัก

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 408.58 จุด เพิ่มขึ้น 1.44 จุด, +0.35%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,152.05 จุด เพิ่มขึ้น 30.24 จุด, +0.42%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,964.66 จุด เพิ่มขึ้น 44.57 จุด, +0.75%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,292.40 จุด เพิ่มขึ้น 26.80 จุด, +0.20%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 110.65 ดอลลาร์/บาร์เรลดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 114.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล