ดาวโจนส์ปิดลบ 38 จุด วิตกเศรษฐกิจถดถอย

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 38 จุด ท่ามกลางการซื้อขายผันผวน นักลงทุนวิตกมากขึ้นว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัวไม่ดีอย่างคาด แรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานถ่วงดัชนี ราคาน้ำมันดิบดิ่งแรง WTI ร่วง 8.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล Brent ลดลง 6.69 ดอลลาร์ ด้านดัชนี S&P 500 ปิดบวกเล็กน้อย ดัชนี Nasdaq เด้ง 1.43% ฟากตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 17 มิถุนายน 2565 ปิดที่ 29,888.78 จุด ลดลง 38.29 จุด หรือ 0.13% แต่ฟื้นตัวที่ร่วงแรงในวันก่อนหน้า การซื้อขายยังผันผวน เพราะนักลงทุนวิตกมากขึ้นว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัวไม่ดีอย่างที่คาด อีกทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ปรับขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,674.84 จุด เพิ่มขึ้น 8.07 จุด, +0.22%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,798.35 จุด เพิ่มขึ้น 152.25 จุด, +1.43%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 4.6%, ดัชนี S&P500 ลดลง 5.8% และดัชนี Nasdaq ลดลง 4.8% โดยดัชนีทั้ง 3 ตัวติดลบเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันแล้ว

คริส ฮาร์วีย์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ด้านตราสารทุนของ Wells Fargo Bank ระบุในบทวิเคราะห์ว่า นักลงทุนจำนวนมากเห็นตรงกันว่าจะมีภาวะถดถอยในระยะสั้น เพียงแต่ว่าจะกินเวลาขนาดไหนและผลกระทบต่อรายได้จะรุนแรงไหม ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของจิม เรด นักเศรษฐศาสตร์จาก Deutsche Bank mujระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเด็นร้อนในขณะนี้คือเศรษฐกิจจะถดถอยเมื่อไร

การให้ความเห็นของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด เมื่อวันศุกร์สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของธนาคารกลางในการลดอัตราเงินเฟ้อหลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดยกล่าวว่า “เฟดกำลังมุ่งเป้าไปที่การดึงเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย 2%”

เฟด รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 0.2% หลัง 1.4% ในเดือนเมษายน

Conference Board รายงาน ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) เดือนพฤษภาคมปรับตัวลง 0.4%

การครบกำหนดส่งมอบออปชันและสัญญาล่วงหน้า ทั้ง stock index futures, single-stock futures, stock options and stock index options เมื่อวานนี้ก็มีผลให้ตลาดผันผวน

ตลาดปิดทำการในวันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน

หุ้นหลายกลุ่มที่ร่วงลงเมื่อวันก่อนปรับตัวขึ้น ในกลุ่มเทคโนโลยีหุ้นแอมะซอนเพิ่มขึ้น 2.5% หุ้นแอปเปิล หุ้นNvidia หุ้นเทสลา และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ต่างเพิ่มขึ้นกว่า 1%

ส่วนในกลุ่มสายการเงินและธุรกิจเรือสำราญ หุ้นนอร์วีเจียน ครูซ ไลน์ และหุ้นคาร์นิวาลต่างบวกราว10%

แต่หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงอย่างมาก จากความกังวลว่า เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันดิบ การลดลงของกลุ่มพลังงานจึงมีผลถ่วงดัชนีดาวโจนส์ไม่ให้ปรับขึ้นมาก

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น 1.4% แต่นักลงทุนยังกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังธนาคารกลางประเทศหลักต่างปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

Klaas Knot หนึ่งในสมาชิกธนาคารกลางสหภาพยุโรปให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุBNR ในเนเธฮร์แลนด์ว่า อาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.50% หลายครั้ง หากเงินเฟ้อยูโรโซนเพิ่มขึ้นอีก

เมื่อวานนี้มีการรายงานเงินเฟ้อยูโรโซนเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบรายปี สูงสูดเป็นประวัติการณ์

มาร์ค เฮเฟเล่ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ UBS Global Wealth Management กล่าวว่า “แนวการดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวมากขึ้นของธนาคารกลาง เป็นปัจจัยลบทั้งต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและหุ้น ความเสี่ยงจากภาวะถดถอยกำลังเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่การทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวอย่างช้า soft landing ดูมีความท้าทายมากขึ้น

หุ้นABN Amro บวก 5.6% จากรายงานข่าวของบลูมเบิร์ก ว่า ธนาคาร BNP Paribas จากฝรั่งเศสสนจที่จะ ซื้อกิจการ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 403.25 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด, +0.09%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,016.25 จุด ลดลง 28.73 จุด, -0.41%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,882.65 จุด ลดลง 3.59 จุด, -0.06%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,126.26 จุด เพิ่มขึ้น 87.77 จุด, +0.67%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 8.03 ดอลลาร์ หรือ 6.83% ปิดที่ 109.56ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนสิงหาคมลดลง 6.69 ดอลลาร์ หรือ 5.58% ปิดที่ 113.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล