PTTGC “หุ้นไฮบริด” โต ชนะดบ.สูง-ศก.ถดถอย ปันผลงาม

HoonSmart.com>>”คงกระพัน อินทรแจ้ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (PTTGC) ให้สัมภาษณ์พิเศษ ฉายภาพการปรับเปลี่ยนองค์กร เพื่อเดินหน้าสู่ธุรกิจแห่งอนาคต มุ่งธุรกิจเคมีภัณฑ์มูลค่าสูง ธุรกิจคาร์บอนต่ำ คู่แข่งน้อย พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกกลุ่ม สอดคล้องเมกะเทรนด์โลก สร้างความมั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้ทุกสภาวการณ์

ตอนนี้เห็นสัญญาณเศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้นแน่ แม้ผลกระทบจะไม่รุนแรงเท่ากับการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ลากยาวกว่า รวมถึงอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น บริษัทเตรียมความพร้อมไว้มาก และมองหาโอกาสจากวิกฤต เพื่อสร้างการเติบโตจากธุรกิจใหม่หรือในต่างประเทศ ซึ่งเคยประสบความสำเร็จในการซื้อ allnex ในช่วงโควิด ได้ธุรกิจระดับโลกอยู่ในเมกะเทรนด์ มีโรงงานถึง 30 แห่งทั่วโลก มีศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า 20 แห่ง ในราคาไม่แพง ประมาณ 148,000 ล้านบาท เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัท และสร้างผลตอบแทนได้ทันที  โดยบริษัทสนใจซื้อธุรกิจที่มีมูลค่าสูง (High Value Business) เพราะหากลงทุนเองจะต้องใช้เวลานาน 10 ปี ส่วนการร่วมลงทุนกับพันธมิตรมีเข้ามาตลอด

คงกระพัน อินทรแจ้ง

“เราไม่รู้หรอกว่าโลกจะเกิดอะไรขึ้น PTTGC จะต้องแข่งขันได้ในทุกสภาวะ เราวางแผนธุรกิจแบบขี้กลัวก่อน ตอนเกิดโควิด เราซัดเต็มที่ ครั้งนี้ เห็นสัญญาณเศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้นแน่ สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ ต้องมีความมั่งคั่งทางการเงิน ต้องมีเงินในการทำธุรกิจ ด้วยต้นทุนเงินไม่แพง ธุรกิจมีการกระจายความเสี่ยง การลงทุนก็ต้องระมัดระวัง ปีนี้คาดว่าจะลดงบลงทุนลงประมาณ 10% ”

เรื่องการเงิน บริษัทมีการวางแผนโดยมองไปข้างหน้า 2-3 ปี เมื่อคาดว่าดอกเบี้ยจะขึ้น และธุรกิจต้องใช้เงินลงทุน จึงมีการกู้เงินเพิ่มในปี 2564 ปีนี้มีทั้งการออกหุ้นกู้หลายล็อต ได้ดอกเบี้ยต่ำ และยอดจองล้น เพราะธุรกิจตอบโจทย์  เรทติ้งดี ในวันที่ 22 มิ.ย. และ 27 มิ.ย.2565 ก็จะออกหุ้นกู้ อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.5% ต่อปี เสนอขายผู้สูงวัย และประชาชนทั่วไปตามลำดับ

ส่วนเรื่องธุรกิจ บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกกลุ่ม มุ่งเน้นดำเนินธุรกิจครบวงจรที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของผู้คน เช่น บรรจุภัณฑ์ เครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์การสื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง พลาสติกเชิงวิศวกรรม พลาสติกทางการแพทย์ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่รอบตัวเรา รวมถึง อุตสาหกรรมสารเคลือบและสารเติมแต่ง (Coating Resins) ซึ่ง allnex เก่งมาก ไม่มีสารระเหยด้วย สอดรับกับแนวคิด ยิ่งใกล้คุณยิ่งต้องดี เพื่อตอกย้ำภารกิจในการสร้างความมั่นใจว่า ทุกวัตถุดิบที่มาจาก PTTGC ได้รับการพัฒนาให้ดีที่สุด ทั้งผลิตภัณฑ์ที่ดี กระบวนการผลิตและการบริหารจัดการที่ดี ดีต่อสิ่งแวดล้อมและดีต่อโลก

บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนโครงการผลิตพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงของบริษัท Kuraray GC Advanced Material (KGC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Kuraray, Sumitomo ของญี่ปุ่น กับ PTTGC คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ ผลิต High Heat Resistant Polyamide-9T (PA-9T) จำนวน 13,000 ตันต่อปี และ Hydrogenated Styrenic Block Copolymer (HSBC) จำนวน 16,000 ตันต่อปี เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอีเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต สายธุรกิจ High Value Business : HVB ซึ่งเป็นโครงการลงทุนในพื้นที่ EEC

โครงการ Olefins 2 Modification (OMP) เพิ่มความยืดหยุ่นของวัตถุดิบ (Feedstock) โดยจะได้โพรพิลีนเพิ่มจำนวน 63,000 ตันต่อปี คาดว่าเริ่มเดินเครื่องได้ในไตรมาส 1/2566

ส่วนการปรับโครงสร้างธุรกิจ PVC ของบริษัทวีนิไทย (VNT) และ AGC Thailand บริษัทฯ ทำคำเสนอซื้อหุ้นเสร็จแล้ว  เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น VNT จาก 24.98% เป็น VNT 37.82% ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการปรับโครงสร้างและจัดตั้งบริษัทใหม่  เพื่อขยายตลาด PVC ไปสู่ภูมิภาค CLMVT (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนามและไทย) คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2565

โครงการพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (Recycle Plant) ของบริษัท เอ็นวิคโค (ENVICCO) ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิลประเภท rPET และ rHDPE กำลังการผลิต 45,000 ตันต่อปี แบ่งเป็นกำลังการผลิต rPET 30,000 ตันต่อปี และ rHPDE 15,000 ตันต่อปี คาดว่าผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 3/2565

การลงทุนใน allnex บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) ของ allnex ที่ 1.5 เท่า ภายใน 5 ปี หรือราว 600 ล้านยูโร จากปัจจุบันอยู่ที่ 400 ล้านยูโร

ด้านความคืบหน้าในการดำเนินการก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีคอมเพล็กที่สหรัฐ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและการหาพันธมิตรเพื่อเข้ามาร่วมลงทุน ซึ่งเงินหายาก บริษัทฯ ยังไม่ได้ตัดสินใจเร็วๆ นี้

“เราตั้งเป้าว่าในปี 2573  EBITDA มาจากธุรกิจเคมีภัณฑ์คุณภาพสูง มาร์จิ้นดี อย่างน้อย 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% คงความสามารถทำกำไรด้วยผลิตภัณฑ์แห่งอนาคต โดยจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย หรือเติบโตเฉลี่ย 4% ต่อปี  ปัจจุบันบริษัทมีรายได้มาจากต่างประเทศ 70% ทั้งการส่งออกและฐานการผลิต”

สำหรับการขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงสเปรดปิโตรเลียมที่เกิดขึ้นมากในไตรมาส1/2565 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 2 นั้น ไตรมาส 3 จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว

ประเด็นที่นักลงทุนมีความกังวลต่อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นที่ภาครัฐจะขอความร่วมมือในการปรับลดค่าการกลั่นและจะกระทบต่อกำไรนั้น บริษัทฯ ยืนยันว่า PTTGC เป็นผู้ประกอบการในธุรกิจปิโตรเคมี ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากโรงกลั่นต่ำกว่า 10% และธุรกิจโรงกลั่นเป็นการกลั่นเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบใช้ในการผลิตในธุรกิจปิโตรเคมี และการขายน้ำมันที่ได้จากการกลั่นนั้นเพื่อเป็นการจำหน่ายเพียงส่วนน้อย

ธุรกิจของ PTTGC แข็งแกร่งมาก ติดอันดับ 1 ของโลก ด้าน Bio products ผลิตมาจากพืชและสัตว์ ใช้วัตถุดิบธรรมชาติย่อยสลายได้  และยังรักษาอันดับที่ 1 ของโลก ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI)ในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์  พร้อมกับมีกำไร แต่ราคาหุ้นกลับซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี เทรดที่ P/BV ไม่ถึง 1 เท่า ส่วนหนึ่งเป็นไปตามสภาพการซื้อขายของตลาดหุ้นไทย ช่วงนี้ให้ความสนใจหุ้นเทคโนโลยีมากกว่า  รวมถึงนักลงทุนยังเข้าใจธุรกิจของบริษัทไม่ดีพอ ผู้บริหารจะต้องขยันให้ข้อมูล ทั้งออนไลน์ และออกไปโรดโชว์พบปะนักลงทุน ซึ่งก็หวังว่าจะช่วยผลักดันให้ราคาหุ้นกระเตื้องขึ้น ผู้ถือหุ้นจะได้ยิ้มกว้างยิ่งขึ้น  แถมยังได้เงินปันผลติดไม้ติดมือด้วย บริษัทมีนโยบายจ่ายไม่น้อยกว่า 30% ของกำไร ซึ่งผลประกอบการในปี 2564 มีกำไรมาก ให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 8% ส่วนปี 2565 จะได้รับเท่าไร ยังต้องติดตามผลดำเนินงานกันต่อไป ซึ่งก็หวังว่าครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าในช่วง 6 เดือนแรก…..