EASTW พัฒนาโครงข่ายท่อเพิ่ม 120 กม. สร้างความมั่นคงต่อเนื่อง

HoonSmart.com>>อีสท์ วอเตอร์  เดินหน้าพัฒนาระบบโครงข่ายท่อเพิ่มเติมอีกกว่า 120 กม. เน้นย้ำดำเนินธุรกิจอยู่บนความผิดชอบต่อชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และการเติบโตทางเศรษฐกิจ อันเป็นรากฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานการบริหารจัดการที่ โปร่งใส มีธรรมาภิบาล

นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW)  เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของอีสท์ วอเตอร์ 30 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง มีการลงทุน เพิ่มเพื่อสร้างเสถียรภาพในระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำมูลค่ามากกว่า 22,000 ล้านบาท เกิดเป็นโครงข่ายท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ หรือ Water Grid ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย และสมบูรณ์ที่สุดในอาเซียน ความยาวรวม 512 กิโลเมตร เชื่อมโยงแหล่งน้ำสำคัญในภาคตะวันออกเกือบทั้งหมด เชื่อมโยง 2 ลุ่มน้ำใน 4 จังหวัด ทำให้ อีสท์ วอเตอร์ สามารถบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมพื้นที่ EEC  ลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำในสภาวะภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วง

สำหรับผลตอบแทนแก่ภาครัฐ นอกเหนือจากการชำระค่าเช่าบริหารท่อในแต่ละปีให้แก่กรมธนารักษ์ ตั้งแต่ปี 2537-2564 ซึ่งเป็นไปตามสัญญาและอัตราที่กรมธนารักษ์กำหนด รวม 588 ล้านบาทแล้ว  อีสท์ วอเตอร์ มีการจัดสรรกำไรในแต่ละปี  โดยได้จัดสรรปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไว้แล้ว หากคำนวณการปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภาครัฐ 45% จะเป็นเงินจำนวนรวมประมาณ 5,500 ล้านบาท นอกจากนี้ อีสท์ วอเตอร์มีการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำดิบที่สะท้อนต้นทุนให้ได้กำไรที่เหมาะสมต่อความสามารถในการนำไปใช้ในการลงทุนได้ต่อเนื่อง และสามารถที่จะจัดสรรปันผลตอบแทนต่อนักลงทุนในอัตราเหมาะสม โดยในระยะเวลา 10 ปีแรกอัตราค่าน้ำดิบเฉลี่ย 7.00 บาทต่อ ลบ.ม. และในระยะปีที่ 11-20 อัตราค่าน้ำดิบเฉลี่ย 8.50 บาทต่อ ลบ.ม. และในระยะปีที่ 21-30 อัตราค่าน้ำดิบเฉลี่ย 11.00 บาทต่อ ลบ.ม.

นายเชิดชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า “อีสท์ วอเตอร์ มีระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำ Water Grid ที่ใช้ในการบริหารจัดการส่งน้ำในพื้นที่จังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา และอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบโครงข่ายท่อเพิ่มเติมด้วยความยาวอีกกว่า 120 กม. เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้น้ำในพื้นที่ EEC ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป รวมถึงดูแลบำรุงรักษาระบบท่อส่งน้ำให้สามารถตอบสนองความต้องการการใช้น้ำได้อย่างเพียงพอ ทันต่อเหตุการณ์  ซึ่งเป็นสิ่งที่อีสท์ วอเตอร์ ยึดมั่นมาโดยตลอดระยะเวลา 30 ปี”