หุ้น TEKA ปิดเทรดวันแรกที่ 4.94 บาท เหนือจอง 7.39%

HoonSmart.com>>หุ้น”ฑีฆาก่อสร้าง”(TEKA) ปิดเทรดวันแรกที่ 4.94 บาท เหนือจอง 7.39% บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ คาดกำไรในปี 65 ที่ 140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.1% จากปีก่อน และจะเติบโตต่อเนื่อง 15.2% ในปี 66 หลังเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นชัดเจน โดยคาดรายได้งานก่อสร้างปีนี้ 2,525 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จาก Backlog ทั้งหมด และคาดว่าจะประมูลงานในปีนี้ได้อีก 3 พันล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 25% ที่เหลือจะรับรู้ในปีถัดไป พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 5.70 บาท

หุ้น TEKA ปิดเทรดวันแรกที่ 4.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท หรือ +7.39% จากราคาขาย IPO ที่ 4.60 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,377.39 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 6.60 บาท ขึ้นสูงสุด 6.65 บาท และต่ำสุด 4.84 บาท

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ประเมินบริษัท ฑีฆาก่อสร้าง (TEKA) ราคาเป้าหมายที่ 5.70 บาท ณ สิ้นปี 64 งานในมือ (Backlog) สูงถึง 1,775 ล้านบาท และได้รับงานเพิ่ม คาดหนุนกำไรปี 65 เติบโต 11.1% และเพิ่มขึ้นอีก 15.2% ในปีถัดไป โดยคาดรายได้งานก่อสร้างในปีนี้จะอยู่ที่ 2,525 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จาก Backlog ทั้งหมดในปีนี้ และคาดว่าจะประมูลงานในปีนี้ได้อีก 3 พันล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 25% ที่เหลือจะรับรู้ในปีถัดไปโดยการแข่งขันที่เข้มข้นในปีนี้ คาดจะกดดันให้อัตรากำไรขั้นต้นลงมาอยู่ที่ราว 14-15% ส่งผลให้คาดกำไรในปี 65 ที่ 140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.1% จากปีก่อน และจะเติบโตต่อเนื่อง 15.2% ในปี 66 หลังเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นชัดเจน

ทั้งนี้กำไรไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 53.6 ล้านบาท +32.7% YoY จากรายได้ที่โต 37.8% YoY และอัตรากำไรขั้นต้น 16.7% ดีกว่าคาด เป็นผลให้กำไรไตรมาส 1/65 มีสัดส่วนสูงถึง 38% ของประมาณการกำไรทั้งปี 65 กำไรของ TEKA ทั้งปี 65 จึงมีโอกาสสูงกว่าประมาณการ

TEKA เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างอาคารที่มีประสบการณ์ยาวนานเกือบ 40 ปี ครอบคลุมตั้งแต่งานโครงสร้าง (Structure) งานสถาปัตยกรรม (Architecture) และงานระบบประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) และครอบคลุมการให้บริการในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผนงาน การควบคุมดูแลการก่อสร้าง และการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ โดยมีทีมวิศวกรซึ่งมีความชำนาญ ทำหน้าที่ควบคุมและตรวจสอบการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปด้วยความถูกต้อง มีคุณภาพ และสามารถส่งมอบได้ตามเงื่อนไขของสัญญา

กำไรปี 64 เติบโต 44.6% รับผลบวกรายได้โครงการภาคเอกชนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าโครงการภาครัฐ แม้ปี 64 รายได้งานก่อสร้างลดลง 35.0% YoY สาเหตุหลักมาจากบริษัทฯ มีปริมาณงานและอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากบริษัทฯ มีโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการที่ดำเนินการก่อสร้างใกล้เสร็จเรียบร้อย รวมถึงอาคารศูนย์บริหารทางพิเศษ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย อยู่ในช่วงปลายโครงการ ซึ่งทำให้โครงการของภาครัฐรับรู้รายได้ปี 64 เพียง 155 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.7% ของรายได้จากงานก่อสร้าง ซึ่งลดลงจากสัดส่วน 39.6% ในปี 63 อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังได้โครงการภาคเอกชนระดับพรีเมียมซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงมากกว่าปกติ หนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นจาก 10.3% ในปี 63 ขึ้นเป็น 18.1% ในปี 64 ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลัก หนุนกำไรปี 64 เติบโต 44.6% มาอยู่ที่ 126 ล้านบาท

ฐานะการเงินแกร่ง โดย ณ สิ้นปี 64 บริษัทฯ ปราศจากหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ต้องบันทึกรับรู้ต้นทุนทางการเงินที่เกิดจากหนี้สินตามสัญญาเช่า ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่องสัญญาเช่า โดยบริษัทฯ ได้ทำการถือปฏิบัติตามมาตรฐานดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63 ขณะเงินที่ได้รับจากการขายหุ้น IPO ครั้งนี้ จะนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับงานก่อสร้างที่อาจเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ทั้งในด้านจำนวนโครงการและมูลค่าโครงการ รวมถึงใช้ในการจัดหาซ่อมแซม และปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์การก่อสร้างต่างๆ