ดาวโจนส์ลบ 151 จุด เตรียมรับเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75%

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ลงต่อ 151.91 จุด จากระหว่างวันผันผวนสูง ปรับขึ้นไปถึง 170 จุดและลดลงมา 370 จุด นักลงทุนเตรียมรับมือเฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อคุมเงินเฟ้อและเศรษฐกิจเสี่ยงจะถดถอย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น  หุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยเฉพาะค้าปลีกร่วงลงกว่า 2%  รอการประชุมธนาคารหลักหลายประเทศในสัปดาห์นี้  ด้านราคาน้ำมันดิบลดลง 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 14 มิ.ย. 2565 ปิดที่ 30,364.83 จุด ลดลง 151.91 จุด หรือ 0.50% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน นักลงทุนเตรียมรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องดำเนินนโยบายในเชิงรุกมากขึ้น เพื่อคุมเงินเฟ้อ รวมทั้งวิตกมากขึ้นว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจจะถดถอย

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,735.48 จุด ลดลง 14.15 จุด, -0.38%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,828.35 จุด เพิ่มขึ้น 19.12 จุด, +0.18%

หุ้นตกไปที่ระดับต่ำสุดของวันในช่วงท้ายของการซื้อขาย หลังจากเหวี่ยงขึ้นลงตลอดทั้งวัน โดยดัชนีดาวโจนส์ขึ้นไปถึง 170 จุดและลดลงมาถึง 370 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดลดลง 22% จากระดับสูงสุด นับตั้งแต่เดือนมกราคมปีก่อน และเข้าสู่ตลาดหมีอย่างเป็นทางการ

โฮเวิร์ด ซิลเวอร์แบล็ตต์ นักวิเคราะห์ดัชนีอาวุโสของ S&P Global Dow Jones Indices ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้นสหรัฐฯได้เข้าสู่ตลาดหมีในวันจันทร์จากที่ปิดลดมากกว่า 21% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ตลาดอ่อนตัวลง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะดำเนินนโยบายเข้มงวดมากขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุด 3.48% ในวันอังคารสูงสุดใหม่ในรอบ 11 ปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 3.43%

นักลงทุนเตรียมรับแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่มากกว่าเดิมของเฟดเพื่อคุมเงินเฟ้อ โดยข้อมูล CME Group data บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 90% ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ 14-15 มิ.ย.และรอการแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟดในวันพุธ

กระทรวงแรงงานรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 10.8% เมื่อเทียบรายปีจาก 10.9%ในเดือนเม.ย. ส่วนใหญ่จากการราคาพลังงาน ซึ่งเพิ่มขึ้น 5% จากเดือนก่อน ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน

หุ้นออราเคิล คอร์ป เพิ่มขึ้นกว่า 10% หลังการรายงานผลการดำเนินงานดีกว่าคาด

หุ้นเฟดเอ็กซ์ เพิ่มขึ้นกว่า 14 % เป็นการเพิ่มขึ้นภายในวันเดียวมากสุดนับตั้งแต่ปี 1986 หลังประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลเป็นกว่า 50%

หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ลดลง 3.1% หุ้นโคคา-โคลา ลดลง 2.7%

หุ้นกลุ่มเดินทางและธุรกิจเรือสำราญลดลง โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดิ่งลง 2.5% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ลดลง 4.38%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงอย่างมาก นำโดยกลุ่มค้าปลีกที่ลดลง 2% ด้วยความกังวลว่าธนาคารกลางประเทศหลักอาจจะต้องดำเนินนโยบายการเงินในเชิงรุกมากขึ้น เพื่อคุมเงินเฟ้อที่ยังร้อนแรง

ในวันพฤหัสบดีคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางอังกฤษ ( Bank of England) จะประกาศการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (Bank of Japan) ธนาคารกลางสวิส (Swiss National Bank) ก็มีกำหนดประชุมในสัปดาห์นี้เช่นกัน

ในเยอรมนีเงินเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบรายปี สูงสุดในรอบ 5 ทศวรรษ

ในอังกฤษอัตราการว่างงานในรอบ 3 เดือนสิ้นสุดเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาที่ 3.8% ตำแหน่งงานว่างเพิ่มขึ้นมาที่ 1.3 ล้านสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 407.32 จุด ลดลง 5.20 จุด, -1.26%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,187.46 จุด ลดลง 18.35 จุด, -0.25%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,949.84 จุด ลดลง 72.48 จุด, -1.20%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,304.39 จุด ลดลง 122.64 จุด, -0.91%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 2 ดอลลาร์ หรือ 1.65% ปิดที่ 118.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 121.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล