HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวโน้มดัชนีลดลงตามภูมิภาค กังวลเศรษฐกิจโลกถกถอย เงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งรอบ 40 ปี รอเฟด 14-15 มิ.ย.65 วางแนวรับดัชนี 1,610 – 1,617 จุด แนวต้าน 1,630 – 1,640 จุด แนะ Wait & See หรือซื้อกลุ่ม Defensive เช่น BH, BDMS, BLA, TQM, GULF, BEM
บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET มีโอกาสปรับลงตามดัชนีภูมิภาคจากความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอยวางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,610 – 1,617 จุด แนวต้าน 1,630 – 1,640 จุด แนะนำ Wait & See หรือซื้อกลุ่ม Defensive เช่น BH, BDMS, BLA, TQM, GULF, BEM
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -2.73%, S&P500 -2.91%, Nasdaq -3.52% ถูกแรงขายจากกลุ่มเทคโนโลยีเช่น Microsoft, Amazon, Apple หลังรายงาน US CPI พ.ค. +8.6% สูงกว่าคาด +8.3% YoY สูงสุดในรอบ 40 ปี ส่งผลให้ US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.178% นักลงทุนรอการประชุมเฟด 14 – 15 มิ.ย. ว่าจะส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่
ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -2.69% กลุ่มธนาคาร -4.8% หลังเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาด ขณะที่ ECB ได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยใน ก.ค., ก.ย. ขณะที่บุนเดสแบงก์เยอรมันปรับลด GDP ปีนี้ลงเหลือ +1.9% &เดิมคาด +4.2% และเงินเฟ้อเยอรมันปีนี้คาด +7.1% &เดิมคาด +3.6%
ตลาดหุ้นเอเชียดัชนีปรับลดลงจากความกังวลปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่อีกครั้ง สัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางออสเตรเลีย, อินเดียปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50%
สัปดาห์นี้วันพุธติดตาม Fed จะปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจสหรัฐ, Fed Dot Plot หรือไม่, พฤหัส ธนาคารกลางอังกฤษคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 1.25% และคาดขึ้นอีกครั้งละ 0.25% ใน ส.ค., พ.ย. , ศุกร์ BOJ คาดคงดอกเบี้ยระดับเดิม ภาพรวม Fund Flow จากความกังวลเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอย
หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BEM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 10.00 บาท) แนวโน้มผลประกอบการทยอยฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากการผ่อนมาตรการควบคุมและเริ่มต้นเปิดประเทศ โดย BEM รายงานปริมาณ Traffic ใช้ทางด่วนและผู้โดยสารรถไฟฟ้าเดือน พ.ค.65 อยู่ที่ 1.04 ล้านคัน/วัน (+7%MoM, +56%YoY) และ 2.3 แสนเที่ยว/วัน (+28%MoM, +154%YoY) หนุนจากโรงเรียนเปิดเทอม และการกลับเข้ามาทำงานใน Office และหากพิจารณาในช่วง เม.ย.-พ.ค.65 (QTD) พบว่าปริมาณรถบนทางด่วนเพิ่มขึ้น +34%YoY และผู้โดยสารรถไฟฟ้า +72%YoY ส่งผลบวกต่อกำไรในช่วง 2Q65 ทั้งนี้ระยะถัดไปคาดว่า Traffic จะทยอยเพิ่มทุกไตรมาสกลับมาเข้าใกล้ช่วง Pre-COVID ที่ 1.2 ล้านคัน/วัน และ 4 แสนเที่ยวต่อวัน
หุ้น MINT* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 41.00 บาท) น้ำหนักการฟื้นตัวที่มีโอกาสเป็นไปอย่างต่อเนื่อง YoY โดย Core Revenue ช่วง 1Q65 ปรับตัวสูงขึ้น +66%YoY ขณะที่ทิศทางในช่วงถัดไปยังคาดว่าธุรกิจโรงแรมโดยรวมจะมี RevPar ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสัญญาณในเดือน เม.ย. ซึ่งถ้าหากเทียบกับปีปกติใน 2562 แล้ว RevPar เม.ย.65 จะอยู่ที่ -5% (ปรับตัวดีขึ้นจาก เม.ย.64 ที่ -83%) ได้ประโยชน์โดยตรงจากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับเข้าสู่ปกติโดยเฉพาะโซนยุโรป(สัดส่วนห้องราว 60% )
ขณะที่ธุรกิจ Food มีแรงหนุนจากร้านอาหารในไทยช่วง 1Q65 แต่ได้รับผลกระทบลบจากการล็อกดาวน์ในจีนและออสเตรเลีย อย่างไรก็ตามคาดว่าประเด็น Covid-19 จะมีน้ำหนักน้อยลงในช่วง 2H65 ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี65 MINT* มีโอกาสที่จะพลิกกลับมีกำไรได้ หลังจากขาดทุนต่อเนื่องในปี64 และ 63