“คิงส์ฟอร์ด” แนะเก็งกำไร 11 หุ้นกลุ่มโรงกลั่น-อาหาร-กัญชา

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” คาดแนวโน้มดัชนีทรงตัว รอประชุม ECB, เงินเฟ้อสหรัฐฯ วางแนวรับดัชนี 1,630 จุด แนวต้าน 1,640 จุด แนะเก็งกำไรหุ้น TOP, BCP, IRPC, CPF, GFPT, CFRESH, CPI, KSL, GUNKUL, RBF, DOD หุ้นเด่นรายวันชู BCP-MEGA

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนีที่ 1,630 จุด โดยมีแนวต้าน 1,640 – 1,645 จุด คาดทรงตัวรอผลการประชุม ECB , CPI US. แนะนำเก็งกำไร เช่น TOP, BCP, IRPC ปัจจัยบวจากค่าการกลั่น หุ้น CPF, GFPT, CFRESH, CPI, KSL รับปัจจัยบวกราคาอาหาร และหุ้น GUNKUL, RBF, DOD รับปลอดล็อกกัญชา

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงจากความกังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย จนเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยโดย Fed แอตแลนตาเผย GDPNow Tracker คาด GDP USQ2/65 +0.90% ฟื้นตัวค่อนข้างน้อยหลัง GDPQ1/65 หดตัว -1.50% QoQแม้ว่าจะเกิดเร่งสต็อคสินค้าและการนำเข้าสูงขึ้น กอปรกับจากสถิติหากเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าเกินกว่าระดับ 6% มักมีความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BCP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 39.00 บาท) ปัจจัยหนุนมาจากค่าการกลั่นที่ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องตามความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นจากภาวะอุปทานตึงตัว ส่งผลบวกต่อการรับรู้กำไรจากสต๊อกน้ำมัน รวมถึงธุรกิจ E&P ที่มีการส่งก๊าซและน้ำมันดิบเข้าสู่ยุโรปจะได้รับประโยชน์จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยผลประโยชน์ดังกล่าวเพียงพอที่จะช่วยชดเชยธุรกิจการตลาดที่ถูกกระทบจากช่วงที่ราคาน้ำมันเป็นขาขึ้น และรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล

หุ้น MEGA* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 60.25 บาท) กำไรสุทธิในช่วง 1Q65 อยู่ที่ 614 ลบ. (+84%YoY, +24%QoQ) แนวโน้มการดำเนินงานในปีนี้ยังคงสดใส Covid-19 ส่งผลให้ ผู้บริโภคเกิด awareness มีความต้องการอาหารเสริม และ ผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพสูงขึ้น ขณะที่สินค้ายายังเป็นสินค้าจำเป็น และ MEGA* เองก็ได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่า โดยทางบ.ตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตราว +5 ถึง +10%YoY วางงบลงทุนในช่วงปี65-66 ที่ 537 ลบ.(โรงงานที่ไทย 326 ล้านบาท/ โรงงานที่อินโดนีเซีย 165 ล้านบาท)

สำหรับการขยายโรงงานและเสริมกำลังการผลิตเพื่อรองรับในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 ของ MEGA* จะยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปี 64 ที่ 2.23 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 2.47 บาท/หุ้น, และ 2.69 บาท/หุ้น ตามลำดับ