บลจ.กรุงไทย ชี้ตราสารหนี้ไทยผลตอบแทนเพิ่มทุกช่วงอายุ นักลงทุนสถาบันเทขาย ตลาดกังวลแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ความกังวลสงครามการค้า-เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย หนุนพันธบัตรสหรัฐฯ เพิ่มเช่นกัน พร้อมเปิดขายกองตราสารหนี้ตปท. ให้ผลตอบแทน 1.8% ต่อปี
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย หรือ KTAM เปิดเผยว่า อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุ ตามแรงขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยเฉพาะในรุ่นอายุ 2-4 ปี และ10 ปี ขึ้นไป รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจจะเร็วกว่าที่คาดไว้
ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุตาม Supply ของ US Treasury รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ ยังถูกกดดันหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเกินคาดทำให้นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.08% มาอยู่ที่ 2.78% อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.08% มาอยู่ที่ 2.90% ต่อปี และอายุคงเหลือ10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.06% มาอยู่ที่ 3.00 % ต่อปี
นางชวินดา กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 200 (KTFF200) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 25 ก.ย. 2561 อายุ 12 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝากประจำของAgricultural Bank of China, Bank of China, China Construction Bank Asia, AL Khalij Commercial Bank, Commercial Bank PQSC, AL Khalij Commercial Bank บัตรเงินฝาก Industrial and Commercial Bank of China, China Merchanyts Bank, Bank of Communications และ MTN ของ Mashreq Bank โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.80% ต่อปี โดยบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย
กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับกลาง และต้องการล็อคผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้