หุ้นปิดร่วง 14.16 จุด กลุ่มค้าปลีกกดดัน ต่างชาติขาย 606 ลบ.

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นปิดร่วง 14.16 จุด หลัก ๆ มาจากกลุ่มค้าปลีก กังวลกำลังซื้อหดหลังราคาน้ำมันขึ้นสูงต่อเนื่อง ส่งเงินเฟ้อพุ่ง หวั่นแบงก์ชาติเร่งขึ้นดอกเบี้ย แต่การประชุมกนง.พรุ่งนี้คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,700.49 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 2,195.30 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้แกว่งตัว โดยมีแนวรับ 1,630-1,625 แนวต้าน 1,640-1,645 จุด

ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 7 มิ.ย.2565 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,631.92 จุด ลดลง 14.16 จุด หรือ -0.86% มูลค่าซื้อขาย 62,744.08 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,645.41 จุด ต่ำสุด 1,630.37 จุด

นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 606.28 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 111.47 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 2,195.30 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,700.49 ล้านบาท

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตังลงแรง หลัก ๆ มาจากหุ้นในกลุ่มค้าปลีก กังวลกำลังซื้อที่หดหายไป จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นสูงต่อเนื่อง ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น วิตกแบงก์ชาติจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่คาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ (7 มิ.ย.) คงจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานก็ช่วยหนุนตลาดได้ไม่มาก เพราะหุ้นติดลบมากกว่าบวก

นอกจากนี้ Sentiment ตลาดโลกก็เป็นลบ จากตลาดหุ้นในยุโรปเทรดบ่ายนี้ก็ติดลบ เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส จากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า อีกทั้งยังต้องติดตามเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันศุกร์นี้ด้วย และติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ พร้อมคาดนักลงทุนต่างชาติคงจะยังขายหุ้นไทยอยู่

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 8 มิ.ย.2565 ตลาดคงจะแกว่งตัว โดยมีแนวรับ 1,630-1,625 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640-1,645 จุด

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
BANPU อยู่ที่ 13.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ +3.10% มูลค่าซื้อขาย 3,441.86 ล้านบาท
AOT อยู่ที่ 68.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -1.44% มูลค่าซื้อขาย 2,133.71 ล้านบาท
BDMS อยู่ที่ 25.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -3.85% มูลค่าซื้อขาย 1,825.16 ล้านบาท
PTTEP อยู่ที่ 169.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +0.30% มูลค่าซื้อขาย 1,606.08 ล้านบาท
KTB อยู่ที่ 15.60 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ -0.64% มูลค่าซื้อขาย 1,345.31 ล้านบาท