HoonSmart.com>>โบรกเกอร์ต่างเห็นพ้องหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง-เปิดประเทศหลายตัวไม่ถูก ราคาขึ้นไปมากแล้ว แต่กำไรยังไม่มา พอเล่นเทรดดิ้งได้ ขาลงทุน เน้นเลือกหุ้นที่ยัง Laggard ผลกำไรจะฟื้นตัวแน่ ชูหุ้น CPALL, MAKRO, OR, MAJOR, BDMS, MINT, BLAND, MBK, SPA, CRC, BH, BEM, BTS ส่วนหุ้น AOT-AAV ไม่แนะนำ หุ้นขึ้นไปมากแล้ว-คาดผลงานปีนี้จะยังขาดทุนอยู่
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มเปิดเมือง เปิดประเทศ หลายตัวได้ปรับขึ้นไปแล้ว แต่สถานบันเทิง, อาบ อบ นวด และผับบาร์ ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2565 จะช่วยหนุนกลุ่มเครื่องดื่ม ซึ่งนักลงทุนได้เข้ามาซื้อเก็งกำไรไปส่วนหนึ่งแล้ว โดยเป็นการซื้อบนโมเมนตัมการเปิดประเทศ แต่ผลกำไรของธุรกิจยังไม่เข้ามา ดังนั้นการเข้าซื้อหุ้นในตอนนี้จึงไม่ถูก แต่สามารถเล่นเทรดดิ้ง่ได้ ซี่งก็ต้องดูธุรกิจด้วย
“ระยะสั้นหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง เปิดประเทศได้ขึ้นมาตอบรับการเปิดประเทศไปแล้ว จากนี้ก็ต้องรอดูบางบริษัทฯจะมีจุดคุ้มทุนกี่ปี รอได้ไหม ซื้อตอนนี้จะไม่แพงถ้ารอได้…ช่วงนี้ไทยเปิดประเทศ ทำให้เข้ามาท่องเที่ยวง่ายหน่อย แต่ก็เป็นช่วงมรสุม โดยปกตินักท่องเที่ยวต่างชาติไม่เข้าไทย ลงทะเลไม่ได้ ซึ่งเป็นฤดูกาลอยู่แล้ว ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะมาในช่วงปลายปี ซึ่งก็เป็นไปตามฤดูกาล แต่ถ้าโรคระบาดมาอีก คนไม่อยากออกมาท่องเที่ยว ดังนั้นหุ้นที่ขึ้นไปแล้วมองเป็นจังหวะ Take profit มากกว่า เพราะกำไรยังไม่มา”นายถนอมศักดิ์กล่าว
สำหรับหุ้นกลุ่มเปิดเมือง เปิดประเทศที่น่าสนใจลงทุน ได้แก่หุ้น BEM ที่ได้รับผลดีจากเกิดการเดินทางมากขึ้น แม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นตอบรับการเปิดเมือง เปิดประเทศแล้ว แต่กำไรต้องมาอยู่แล้ว จึงยังน่าสนใจลงทุน ส่วนหุ้น BLAND, MBK ราคาหุ้นยังปรับขึ้นน้อย ต้องรอดูว่าคนจะออกจากบ้านมาใช้จ่ายหรือเปล่า และหุ้น MBK ราคายัง Laggard นอกจากนี้ ยังมีหุ้น SPA, MAJOR, CRC, MINT
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า นักลงทุนต่างให้ความสนใจในการเข้ามาเล่นเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง-เปิดประเทศกัน จนราคาหุ้นหลายบริษัทปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหุ้น AOT, AAV ขณะนี้จึงไม่แนะนำให้ซื้อ ควรจะรอให้ราคาหุ้นย่อตัวก่อนค่อยเข้าไปลงทุน หากมองภาพตลาดโดยรวมควรจะเข้าซื้อเมื่อดัชนีฯเข้าใกล้ระดับ 1,600 จุด
ส่วนหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง-เปิดประเทศที่ยังน่าสนใจเข้าลงทุนได้ มองเป็นหุ้น CPALL ให้ราคาเป้าหมาย 82 บาท เนื่องจาก Traffic มีการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด และหุ้น MAJOR ราคาเป้าหมาย 24 บาท เนื่องจากมีหนังทำเงินเข้ามาฉายในโรงหนังหลายเรื่อง น่าดึงดูดให้คนเข้าโรงหนังกันมากขึ้น
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ราคาหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง-เปิดประเทศปรับตัวขึ้นตอบรับการเปิดประเทศไปมากพอควรแล้ว ดังนั้นหากต้องการจะลงทุน ควรจะเลือกหุ้นที่ยัง Laggard อยู่ ซึ่งหุ้นที่ยังพอมี Upside ได้แก่ CPALL, MAKRO, OR, BEM, BTS, MAJOR, BDMS, MINT แต่หุ้น BTS ก็ควรจะรอดูการจัดการรถไฟฟ้าสายสีเขียวก่อน
ส่วนหุ้น AOT และ AAV ยังไม่แนะนำ เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาเกินราคาเป้าหมายไปแล้ว โดยหุ้น AOT ให้ราคาเป้าหมาย 64 บาท คาดการณ์ผลงานปีนี้จะยังขาดทุนอยู่ ส่วนหุ้น AAV ให้ราคาเป้าหมาย 2.60 บาท ปีนี้ก็คาดว่าจะยังขาดทุนอยู่มาก และยังต้องเผชิญกับต้นทุนราคาน้ำมันสูงด้วย
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า การเปิดเมือง เปิดประเทศ ทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ยังอยู่ ซึ่งทุกประเทศก็เหมือนกัน โดยวัคซีนกระตุ้นสามารถช่วยบรรเทาได้ หากไม่มีการกลายพันธุ์ที่จะสร้างความรุนแรงเพิ่ม เศรษฐกิจก็จะเดินหน้าต่อไปได้ ในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าผลงานของบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเมือง เปิดประเทศจะดีขึ้น ทำให้อาจมีแรงเก็งกำไรหุ้น
อย่างไรก็ดี ตลาดยังมีความกังวลปัจจัยนอกประเทศที่สร้าง Sentiment กดดันอยู่ ไม่ว่าจะเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ของสหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครน ที่ยืดเยื้อ ทำให้นักลงทุนยังคงระวังการลงทุนอยู่ และมีการเล่นเก็งกำไรเป็นรอบ ๆ ไป
“หุ้นในกลุ่มเปิดเมือง เปิดประเทศ ที่ชอบเป็นหุ้น AOT ราคาเป้าหมาย 68 บาท, หุ้น CPALL ราคาเป้าหมาย 75 บาท มองการใช้จ่ายกลับมาเป็นปกติมากขึ้น, หุ้น BDMS ราคาเป้าหมาย 29.50 บาท, หุ้น BH ราคาเป้าหมาย 175 บาท ซึ่งทั้ง BDMS และ BH มีโอกาสรับลูกค้าต่างชาติได้มากขึ้นหลังเปิดประเทศ และหุ้น BEM ราคาเป้าหมาย 10 บาท ได้ผลดีจากการเดินทางมีมากขึ้น”น.ส.ธีรดากล่าว