HoonSmart.com>>”เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์”(APCO) เตรียมเจรจากับพันธมิตรอีก 7 ประเทศ เพื่อขยายนวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด หลังเซ็น MOU แต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย 2 บริษัท เจาะกลุ่มตลาดเอเชีย-ยุโรป เดินหน้าโครงการย้อนวัยกับทูตสุขภาพ ขยายฐานผู้ใช้นวัตกรรมวัฒนชีวา เร่งสร้างยอดขายเพิ่ม พร้อมผลักดันผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง เจาะกลุ่มคณะสัตวแพทย์ในประเทศไทย
ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ (APCO) เปิดเผยว่า ไตรมาส 2/65 บริษัทลงนามสัญญาแต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท จีซี แอนด์ แดน พีทีอี จำกัด เพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์ภูมิคุ้มกันบำบัดจำหน่ายในทวีปเอเชีย ได้แก่ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และบริษัท ไดนามิค โอเชี่ยน เวนเจอร์ส จำกัด จำหน่ายในทวีปยุโรป ได้แก่ประเทศกลุ่มลาตินอเมริกา และประเทศแอฟริกาใต้
นอกจากนี้ ยังเตรียมเจรจากับพันธมิตรเพิ่มอีก 7 ประเทศ เพื่อขยายนวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดสำหรับผู้ติดเชื้อ HIV ในวงกว้าง ซึ่งถือเป็นโอกาสและช่องทางในการขยายตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงการยกระดับนวัตกรรม ให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก
ขณะที่ นวัตกรรมวัฒนชีวาบริษัทวางแผนการตลาด ด้วยโครงการ “ย้อนวัยกับทูตสุขภาพ APCO” (APCO Age Reversal with APCO Health Ambassador) ประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจเข้าร่วมเป็นทูตสุขภาพย้อนวัยด้วยสูตรวัฒนชีวา ผ่าน Social Media FB เพจ: ชีวี 100 ปี มีสุข โดยตั้งเป้าหมายให้มีผู้บริโภคใช้นวัตกรรม 20,000 คน เพื่อกระตุ้นยอดขายในประเทศ
ในส่วนของบริษัทย่อย Killer T Cell for Pets พัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง ได้รับการยอมรับจากโรงพยาบาลของคณะสัตวแพทย์แล้วทุกแห่ง ขณะนี้ได้จำหน่ายเข้าไปในโรงพยาบาลสัตว์ขนาดใหญ่ ด้วยประสิทธิภาพที่สามารถรักษามะเร็งได้ดีมาก รวมถึงสามารถรักษาไวรัส FIV และ FeLV ในแมว ให้หายได้เป็นครั้งแรก โดยในเดือนมิถุนายน 2565 นี้ จะมีการนำเสนอผลงานวิชาการดังกล่าวในที่ประชุมสัตวแพทย์ คาดว่าจะมีกระแสตอบรับที่ดี ในการนำผลิตภัณฑ์ไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง และจะมีการจำหน่ายไปยังไต้หวัน และอเมริกาในต้นปี 2566 อีกด้วย
ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 56.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 48.17 ล้านบาท จำนวน 7.87 ล้านบาท หรือ 16.34% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 15.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.23 ล้านบาท จำนวน 6.08 ล้านบาท หรือ 65.89%