“คิงส์ฟอร์ด” แนะซื้อกลุ่มอาหาร-ค้าปลีก-Defensive หุ้นเด่น TACC-CKP

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มดัชนีปรับตัวขึ้นตามโมเมนตัมบวกของเศรษฐกิจในประเทศ แนวต้าน 1,635 – 1,640 จุด ส่วนแนวรับแรก 1,620 จุด แนะนำซื้อกลุ่มอาหาร CPF, GFPT, TFG ค้าปลีก CPALL, CPN, OR กลุ่ม Defensive ADVANC, BH, BDMS หุ้นเด่นแนะนำ TACC, CKP

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET มีโอกาสปรับขึ้นตามโมเมนตัมบวกของเศรษฐกิจในประเทศ วางแนวรับดัชนีที่ 1,617 – 1,620 แนวต้าน 1,635 – 1,640 จุด แนะนำซื้อกลุ่มอาหาร CPF, GFPT, TFG ค้าปลีก CPALL, CPN, OR กลุ่ม Defensive ADVANC, BH, BDMS

ด้านตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้บวก หลัง Fed Minutes พ.ค. เป็นไปตามคาดการณ์ โดยคณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่หนุนปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.50% ในการประชุม 15 มิ.ย., 27 ก.ค. และประเมินการใช้นโยบายการเงินตึงตัวเพื่อชะลอเงินเฟ้อ จะไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ส่วนมาตรการลดงบดุลเฟด 9 ล้านล้านดอลลาร์ จะเริ่มใน มิ.ย. ด้วยวงเงิน 4.75 หมื่น ล.ดอลลาร์/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน ก่อนเพิ่มเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน โดยล่าสุดอัตรา 10 Years Inflation Breakeven ลดลงอยู่ที่ 2.6% เมื่อเทียบกับ ก.พ. สูงกว่า 3% ชี้แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวลง

ส่วนตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.63% หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมัน มิ.ย. ปรับดีขึ้น

และค่ำวันนี้รอรายงาน GDP สหรัฐ Q1/65 ครั้งที่ 2 คาด -1.3% &ครั้งแรก -1.4% QoQ

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ CKP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.65 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q65-3Q65 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ จากสถิติปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนไซยะบุรีเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกสะสมและประเทศจีนมีการเร่งระบายน้ำออกมามากขึ้น นอกจากนี้ CKP ได้มีการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น XPCL เป็น 42.5% ตั้งแต่ 3Q64 ส่งผลให้รับรู้รายได้จากการขายไฟเพิ่ม

ส่วนภาพรวมทั้งปี 65 คาดกำไรทรงตัวจากปีก่อน ทั้งนี้บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 4.8 GW ภายในปี 67 ซึ่งล่าสุดได้เซ็น MOU โรงไฟฟ้าหลวงพระบาง 1,460 MW (สัดส่วนการถือหุ้น 42%) กำหนด COD ปี 73

TACC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.20 บาท) กำไรสุทธิ 1Q65 อยู่ที่ 60.15 ลบ. (+28.8%YoY, +3.5%QoQ ) ด้านทางบ.เองตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปีนี้ที่ราว 10%YoY ขณะที่ตัวธุรกิจของ TACC เองเรามองว่ามีความยืดหยุ่นไม่ว่าจะเป็นการปรับไซส์แก้วหรือการออกเครื่องดื่มใหม่เพื่อปรับ Margin และจากสถานการณ์ในปัจจุบัน การผ่อนคลายม.ควบคุมต่างๆ ในประเทศไทยยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เราคาดว่าจะส่งผลให้ยอดขาย B2B ในส่วนของร้าน 7-11(All Cafe) ปรับตัวดีขึ้น

นอกจากนี้ ทาง TACC ยังมีโอกาสที่จะขยายไปยังลาว/กัมพูชาตาม 7-11 และสาขาของ Lotus’s go fresh ผ่านทาง Jungle Cafe รวมถึง Lotus Hypermarket ในรูปแบบของ Food Court ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 ขยายตัวต่อจากปี64 ที่ 0.35บาท/หุ้น มาที่ 0.40บาท/หุ้น, และ 0.46บาท/หุ้น ตามลำดับ