OR ลั่นยอดขายน้ำมันเม.ย.โต เล็งปิดดีลซื้อนอนออยล์เพิ่มปีนี้

HoonSmart.com>>”ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก” แย้มผลงานไตรมาส 2/65 โต ปริมาณขายน้ำมันดีเซลและเบนซินเพิ่ม น้ำมันอากาศยานเริ่มฟื้น ค่าการตลาดและมาร์จิ้นใกล้เคียง 3 เดือนแรก  เดินหน้าขยายสถานีบริการ และร้าน Cafe Amazon ตามแผน มั่นใจปิดดีลซื้อนอนออยล์บางรายทันปีนี้ 

นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารการเงิน บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 บริษัทเห็นปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดีเซลและเบนซินในช่วงเดือน เม.ย. ยังเติบโตได้ดี ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันอากาศยาน (Jet) เริ่มฟื้น จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 และการเปิดประเทศ ทำให้เที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น หลังจากการจำหน่ายน้ำมัน Jet หายไปถึง 70%  หากไม่เกิดโควิด-19 รอบใหม่ Jet น่าจะ เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนค่าการตลาดในไตรมาส 2 คาดใกล้เคียงกับไตรมาส 1 แม้จะได้รับผลกระทบจากการตรึงราคาน้ำมันดีเซลในเดือน เม.ย. แต่ภาครัฐลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน ( 21 พ.ค.-20 ก.ค.) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ รวมถึงการปรับขึ้นราคาขายหน้าปั๊มตามสถานการณ์ราคาตลาดโลกได้มากขึ้น และมีการบริหารต้นทุน ทำให้สามารถรักษาระดับอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ให้ใกล้เคียงไตรมาสแรกได้

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 จากคาดการณ์เศรษฐกิจเติบโต 2.5-3.5% จากการท่องเที่ยวและส่งออกที่ดีขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวที่คาดว่าจะออกมาเพิ่มเติม เป็นปัจจัยบวกต่อผลการดำเนินงานของ OR ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยกลุ่ม ปตท.ประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และปี 2566 น่าจะลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 92.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คาดว่าสถานการณ์รัสเซียและยูเครนจะคลี่คลายลง และเศรษฐกิจจีนน่าจะดีขึ้น

บริษัทยังคงแผนการขยายสถานีบริการน้ำมัน (PTT Station) ปีนี้จำนวน 129 สาขา และร้าน Cafe Amazon ที่ 389 สาขา จากไตรมาส 1  ขยายไปแล้วจำนวน 5 สาขา และ 57 สาขา ตามลำดับ ซึ่งยอมรับว่าช้ากว่าแผนเล็กน้อย แต่บริษัทฯ จะไปเร่งขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 2   ทั้งนี้ สิ้นไตรมาส 1  บริษัทฯ มีสาขา PTT Station ทั้งสิ้นจำนวน 2,453 สาขา, สถานีชาร์จ EV จำนวน 107 สาขา, ร้าน Cafe Amazon จำนวน 4,002 สาขา และยังมีการดำเนินงานใน 10 ประเทศทั่วโลก

นายพิจินต์กล่าวถึงการเข้าซื้อกิจการ (M&A) หรือการร่วมลงทุน (JV) ว่า บริษัทยังมีการเจรจาอย่างต่อเนื่องอีกหลายดีล  คาดว่าปีนี้น่าจะประกาศปิดดีลได้บางราย โดยยังคงมุ่งเน้นการเติมเต็มธุรกิจค้าปลีกที่ไม่ใช่น้ำมัน ซึ่งจะเข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนไปในอนาคต