บลจ.กสิกรไทยจ่ายปันผล 4 กองทุนอสังหาริมทรัพย์ “GOLDPF- MJLF- CTARAF- KPNPF” ผู้ถือหน่วยลงทุนรอรับเงิน 19 ก.ย.นี้ ชี้ MJLF ตั้งแต่ตั้งกองทุนปันผลเฉลี่ย 9.49% ต่อปี ลุ้นรถไฟฟ้าสีเขียวเสร็จหนุนค่าเช่าเพิ่ม ด้าน KPNPF รอรถไฟฟ้าสายสีส้มผ่านปรับค่าเช่าขึ้น
นายวิทวัส อัจฉริยวนิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ รวม 4 กองทุน สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลด์ (GOLDPF) โดยจ่ายปันผลในอัตรา 0.195 บาทต่อหน่วย และผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ซึ่งประกอบด้วยกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ (MJLF) โดยจ่ายปันผลในอัตรา 0.220 บาทต่อหน่วย กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CTARAF) ในอัตรา 0.100 บาทต่อหน่วย และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เคพีเอ็น (KPNPF) ในอัตรา 0.110 บาทต่อหน่วย โดยทั้ง 4 กองทุน จะจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 6 กันยายน 2561 และมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 19 กันยายนนี้ รวมทั้งสิ้น 164.57 ล้านบาท
นายวิทวัส กล่าวต่อไปว่า กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลด์ (GOLDPF) มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ ขนาด 162 ห้องของโครงการเดอะ เมย์แฟร์ แมริออท เอ็กเซคคิวทีฟ อพาร์ทเมนต์ ซอยหลังสวน ถนนเพลินจิต ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในครึ่งแรกปี 2561 ประมาณ 83.50% โดยผลการดำเนินงานในปี 2561 ที่ผ่านมา กองทุนสามารถทำกำไรสุทธิได้ 40.62 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 20 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5.2135 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 4.52% ต่อปี
สำหรับกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ (MJLF) มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารโครงการ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต โดยผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2561 ที่ผ่านมา กองทุนสามารถทำกำไรสุทธิได้ 148.30 ล้านบาท ทั้งนี้ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 44 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 10.4680 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 9.49% ต่อปี
สำหรับโครงการทั้ง 2 แห่ง มีลักษณะเป็นอาคารไลฟ์สไตล์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ที่มีการจำหน่ายสินค้าและเป็นศูนย์รวมความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ อาทิ โรงภาพยนตร์และโบว์ลิ่ง รวมถึงศูนย์ออกกำลังกาย ร้านอาหารและเครื่องดื่ม จึงทำให้โครงการมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ประกอบกับแผนประมาณการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว (เหนือ) ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 ส่งผลให้โครงการ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน มีแนวโน้มการปรับตัวของอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าพื้นที่โดยเฉลี่ยสูงขึ้น
ส่วนกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CTARAF) มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคาร รวมถึงระบบสาธารณูปโภคของโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท สมุย โรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 25 ไร่ บนหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมา มีการจ่ายปันผลแล้วรวม 34 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5.7207 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 5.95% ต่อปี
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เคพีเอ็น (KPNPF) มีนโยบายลงทุนในกรรมสิทธิที่ดิน อาคารสำนักงาน และระบบสาธารณูปโภคของอาคารเคพีเอ็น ทาวเวอร์ บนถนนพระราม 9 ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 21 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2.7290 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 5.26% ต่อปี ทั้งนี้ความต้องการเช่าพื้นที่ในอาคารดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงแผนประมาณการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่จะผ่านหน้าโครงการ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการให้เช่าพื้นที่ และปรับอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งจะส่งผลให้กองทุนรวม KPNPF ได้รับผลตอบแทนในอัตราที่สูงขึ้นได้