HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” มองแนวโน้มหุ้นทรงตัว รอ Fed Minutes ช่วงค่ำวันนี้ แนวรับดัชนี 1,617-1,620 จุด แนวต้านแรก 1,630 จุด แนะทยอยซื้อกลุ่มเปิดเมือง กลุ่ม Defensive ชี้เป้า MAJOR, ADVANC, GPSC, EKH เก็งกำไร KSL รับอินเดียเตรียมระงับส่งออกน้ำตาล
บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ทรงตัวรอ Fed Minutes ช่วงค่ำวันนี้ วางแนวรับดัชนีที่ 1,617-1,620 แนวต้าน 1,630-1,635 แนะนำทยอยซื้อกลุ่มเปิดเมือง, Defensive เช่น MAJOR, ADVANC, GPSC, EKH/ เก็งกำไร KSL (+อินเดียเตรียมระงับส่งออกน้ำตาล)
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มโซเชียลมีเดีย หลัง Snap คาดรายได้, กำไรมีแนวโน้มชะตัว ส่งผลให้ Meta Platform, Pinterest, Twitter ปรับลดลงตาม ขณะที่รายงานตัวเลขเศรษฐสหรัฐชะลอตัว เช่น ยอดขายบ้านใหม่, PMI ภาคผลิต & บริการสหรัฐ พ.ค. เป็นผลจากปัญหา Supply Chain, วิกฤตยูเครน, จีนล็อกดาวน์ เป็นปัจจัยเร่งให้เงินเฟ้อสูงขึ้น จนเฟดต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย
ค่ำวันนี้ติดตามรายงาน Fed Minutes ติดตามสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ และมาตรการลดงบดุล (QT)
ส่วนตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -1.14% หลังรายงาน PMI รวมภาคผลิต, บริการยูโรโซน พ.ค. ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เป็นผลกระทบจากวิกฤตยูเครน, จีนล็อกดาวน์ ขณะที่ ECB ส่งสัญญาณจะปรับขึ้นดอกเบี้ยใน ก.ค., ก.ย. นี้ รวมถึงยกเลิกอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารกับ ECB ที่ -0.50% ใน ก.ย. นี้ เป็นการกลับใช้มาตรการเงินปกติเพื่อคุมเงินเฟ้อ
สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ MAJOR (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 24.50 บาท) คาดแนวโน้มผลประกอบการ 2Q65 กำไรจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นตามจำนวนหนังฟอร์มใหญ่ต่างประเทศที่เข้าฉาย รวมถึงจำนวนหนังไทยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังได้รับผลบวกจากสถานการณ์ COVID-19 ที่คลี่คลาย ทำให้รายได้ Concession (ขายอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น) ช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นตาม ส่วนการเข้าลงทุนใน TKN จะช่วงส่งเสริมด้านช่องทางการจัดจำหน่าย Popcorn ให้กว้างขึ้น
หุ้น SINGER (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 60.75 บาท) กำไรสุทธิ 1Q65 อยู่ที่ 215 ลบ. (+54% YoY, +1% QoQ) ประสบความสำเร็จในการขยายสาขาผ่านเฟรนไชน์อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าสาขาเฟรนไชน์อยู่ที่ 7,000 สาขาในปีนี้(จาก 4.2 พันใน1Q65) ธุรกิจพอร์ตสินเชื่อยังคงเติบโตได้ดีโดยเฉพาะธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถทำเงิน (C4C) ซึ่งใน 1Q65 ที่ผ่านมาสามารถขึ้นไปแตะที่ระดับ 6.89 พันล้านบาท โดยทางบริษัทตั้งเป้าปีนี้พอร์ตรวม(C4C+HP+Captive)จะสามารถเติบโตอยู่ที่ระดับ 1.55 หมื่นล้านบาท (จาก 1Q65 อยู่ที่ราว 1.2 หมื่นล้านบาท)
นอกจากนี้ทางบริษัทเองยังมีปัจจัยบวกจากการจะนำบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน); SCG เข้าจดทะเบียนกับตลาดอีกด้วย ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 จะขยายตัวได้ต่อเนื่องมาอยู่ที่ 1.48 บาท/หุ้น, และ 2.15 บาท/หุ้น ตามลำดับ