“อิงเกรส อินดัสเตรียล” ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำระดับอาเซียน โชว์งานที่เซ็นสัญญาแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท จากค่ายรถใหญ่หลายราย ผลักดันผลงานครึ่งปีหลังเติบโตตามเป้า
นายฮามิดี บิน เมาลอด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์ ) หรือ INGRS กล่าวว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 2 / 2561 มีรายได้ 755 ล้านบาท เป็นรายได้จากบริษัทย่อยในประเทศไทย 39 % จากมาเลเซีย 46.5 % บริษัทย่อยในอินเดีย 7.5 % และอินโดนีเซีย 6.9 % ซึ่งบริษัทย่อยในไทยและอินเดีย มีแนวโน้มรายได้ดีสม่ำเสมอ
สำหรับ ไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 1.35 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันปี 2560 มีกำไร 35 ล้านบาท ลดลง 33.65 ล้านบาท หรือ 96 % สาเหตุจากรายได้บริษัทย่อยในมาเลเซียลดลง และผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
นายฮามิดี บิน เมาลอด กล่าวอีกว่า อิงเกรส ฯ ได้เซ็นสัญญารับออเดอร์ใหม่ เพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งในหลายประเทศ ล่าสุดมีงานรอรับรู้รายได้ประมาณ 4 พันล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี เริ่มผลิตชิ้นส่วนรถยนต์โครงการใหม่หลายโครงการในไทย อินเดีย และอินโดนีเซีย ช่วยผลักดันผลประกอบการเติบโตมั่นคง ใช้งบลงทุนกว่า 530 ล้านบาท
ผู้บริหาร กล่าวถึง การผลิตในประเทศมาเลเซีย ว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ มีแนวโน้ม ปรับตัวดีขึ้น หลังจากการควบรวมกิจการของกลุ่มโปรตอน และการสนับสนุนจากภาครัฐ คาดว่ายอดการผลิตชิ้นส่วนให้กลุ่มโปรตอน ซึ่งเป็น 1 ในลูกค้าหลัก จะเพิ่มมากขึ้นและเข้าสู่สภาะวะปกติ ซึ่งเมื่อรวมกับการผลิตชิ้นส่วนโครงการใหม่ ๆ ให้กลุ่มเพอโรดัว จะทำให้บริษัทฯย่อยในมาเลเซีย มีรายได้ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนในอนาคตอันใกล้
นอกจากนี้ INGRS วางแผนที่จะขยายธุรกิจในประเทศอินเดีย โดยเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาด ตลอดจนขยายฐานลูกค้าผลิตรถยนต์รายใหม่ ๆ เพิ่มเติม เนื่องจากอินเดีย มีอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ ที่มีการผลิตรถยนต์ปีละ 4 ล้านคัน และยังเติบโตสูงสุดถึง 14.3% จากปีก่อน
สำหรับ INGRS เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ชั้นนำของอาเซียน กลุ่มบริษัทประกอบด้วย 9 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทย่อย 9 แห่ง ซึ่งมีความสามารถด้านเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง มีการดำเนินงานใน 4 ประเทศหลัก คือ ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอินเดีย บริษัท ได้พัฒนาความรู้และความเชี่ยวชาญที่จำเป็น เช่น อุตสาหกรรมให้มีเทคโนโลยีขั้นสูง ร่วมกับบริษัทพันธมิตรจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงสำหรับผู้ผลิตรถยนต์หลายราย เช่น ฮอนด้า มิตซูบิชิ ฟอร์ด มาสด้า เจนเนอร์รัล มอเตอร์ อีซูซุ ซูซูกิ นิสสัน โตโยตา ไดฮัทสุ เพอโรดัว และโปรตอน