หุ้นปิดพุ่ง 16.97 จุด ตามตปท. ต่างชาติซื้อ 3.09 พันลบ.

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นปิดพุ่ง 16.97 จุด สอดคล้องกับตลาดต่างประเทศ ตอบรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาเพิ่มเติม-คลายล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ อีกทั้งสัญญาณในประเทศดีขึ้นเรื่อย ๆ จากกำไรของบริษัทจดทะเบียน-การเปิดประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าต่างประเทศ และยังได้แรงหนุนจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 3,093.50 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 1,959.50 ล้านบาท แนวโน้มสัปดาห์หน้าลุ้นขึ้นได้ โดยมีแนวรับ 1,610 แนวต้าน 1,643 จุด

ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 20 พ.ค.2565 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,622.95 จุด เพิ่มขึ้น 16.97 จุด หรือ +1.06% มูลค่าซื้อขาย 66,204.09 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,626.16 จุด ต่ำสุด 1,616.46 จุด

นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 3,093.50 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 7.73 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 1,959.50 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,141.73 ล้านบาท

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ฟื้นตัวขึ้นสอดคล้องกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ต่างบวกกันทั่วหน้า เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้เปิดมาบวกราว 1.5% เหมือนดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่บวกกว่า 200 จุด ตอบรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาเพิ่มเติม และยังมีการคลายล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ด้วย

ส่วนตลาดหุ้นไทยช่วงสั้นล็อกความกลัวมากเกินไป ทำให้เมื่อดัชนีฯลงไปแถว 1,600 จุดก็เด้งกลับขึ้นมา อีกทั้งสัญญาณในประเทศก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้จากกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโต, การเปิดประเทศมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะแข็งแกร่งกว่าต่างประเทศ อย่างไรก็ดีตลาดฯยังมีความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ ซึ่งจะต้องติดตามการแก้ไขปัญหาของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะสามารถทำให้เงินเฟ้อถอยลงได้หรือไม่ ตลาดกลัวประเด็นนี้ทำให้ต้องติดตามเงินเฟ้อทุกเดือน แต่ทั้งนี้ยังมองจุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ 0.50% ไม่น่าจะแรงกว่านี้ เว้นแต่เงินเฟ้อออกมาพุ่งแรงมาก นอกจากนี้ เงินบาทได้กลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง ทำให้มีลุ้นที่ Fund Flow จะกลับมาซื้อได้

แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า ยังมีลุ้นขึ้นได้ โดยมีแนวรับ 1,610 จุดแนวต้าน 1,643 จุด พร้อมให้ติดตามตัวเลขการส่งออกของไทยที่จะออกมาในช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งคาดว่าจะเติบโตดีอยู่, ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของสหรัฐ และยุโรป, ตัวเลข GDP งวดไตรมาส 1/65 ครั้งที่สองของสหรัฐฯ

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
PLUS ปิดที่ 5.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +22.22% มูลค่าซื้อขาย 4,359.22 ล้านบาท
BDMS ปิดที่ 27.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.93% มูลค่าซื้อขาย 3,036.82 ล้านบาท
BANPU ปิดที่ 12.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +4.27% มูลค่าซื้อขาย 2,475.63 ล้านบาท
SCB ปิดที่ 111.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ +3.24% มูลค่าซื้อขาย 2,427.39 ล้านบาท
AOT ปิดที่ 69.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +1.47% มูลค่าซื้อขาย 2,302.71 ล้านบาท