ดาวโจนส์ร่วง 236 จุด วิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ยฉุดเศรษฐกิจ

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ร่วง 236 จุด และดัชนี S&P 500 ใกล้ที่จะเข้าสู่ภาวะตลาดหมี วิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เศรษฐกิจชะลอ ตัวเลขยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 21,000 ราย มาที่ 218,000 ราย สูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.และสูงกว่า 200,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด  ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย.ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 2.4% มาที่ 5.61 ล้านยูนิต ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ลดลง ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 19 พ.ค. 2565 ปิดที่ 31,253.13 จุด ลดลง 236.94 จุด หรือ 0.75% อ่อนตัวลงอีกวัน ด้วยแรงเทขายที่ต่อเนื่อง จากความกังวลว่าการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง(เฟด)เพื่อคุมเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับ จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,900.79 จุด ลดลง 22.89 จุด, -0.58% และใกล้ที่จะเข้าสู่ภาวะตลาดหมี หลังจากที่ร่วงไปลงจากระดับสูงสุดเดือนม.ค.ถึง 19%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,388.50 จุด ลดลง 29.66 จุด, -0.26%

ไรอัน เบแลงเกอร์ จาก Claro Advisors ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดจะซื้อขายในระดับที่ใกล้เข้าแดนหมีในเดือนหน้า

แรงขายที่ต่อเนื่องยังคงมาจากผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาดของธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าแรงกดดันเงินเฟ้อจะกระทบต่อกำไรและการใช้จ่ายของผู้บริโภค

มานีช เอส เดชปานเด จาก Barclays กล่าวว่า แรงขายในกลุ่มนี้และบริษัทด้านอุปโภคและบริโภคอื่นๆ แสดงให้เห็นว่าในที่สุดแรงกดดันเงินเฟ้อก็มีผลกระทบต่อกำไร

ขณะที่ควินซี ครอสบีจาก LPL Financial กล่าวว่า นักลงทุนวิตกว่าบริษัทจะส่งต่อต้นทุนที่สูงขึ้นไปให้ผู้บริโภคได้หรือไม่ ทั้งต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้นและเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

หุ้นทาร์เก็ต ธุรกิตค้าปลีกรายใหญ่ลดลง 5.1% จากที่ลดลง 24% ในวันพุธ

หุ้นซิสโก ลดลง13.7% หลังรายงานรายได้ไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด

นอกจากนี้ความไม่แน่นอนว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วแค่ไหนและมากแค่ไหนก็สร้างแรงกดดันให้กับตลาด และนักลงทุนเกรงว่าการดำเนินนโยบายการเงินในเชิงรุกของเฟดจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวขึ้น

กระทรวงแรงงานรายงานการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 21,000 ราย มาที่ 218,000 ราย สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม และสูงกว่า 200,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) รายงาน ยอดขายบ้านมือสองเดือนเมษายนลดลงจากเดือนก่อนหน้า 2.4% มาที่ 5.61 ล้านยูนิต ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่ลดลง 3.6% จากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และจากแรงเทขายหนักในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนเลี่ยงความเสี่ยง

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 427.99 จุด ลดลง 5.96 จุด, -1.37%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,302.74 จุด ลดลง 135.35 จุด, -1.82%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,272.71 จุด ลดลง 80.23 จุด, -1.26%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,882.30 จุด ลดลง 125.46 จุด, -0.90%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.62 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 112.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 2.93 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 112.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล