ดาวโจนส์ร่วงต่ออีก 400 จุด กดดอกเบี้ยเฟด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์(Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 24 เมษายน ที่ 24,024.13 จุดร่วงลงอีก 424.56 จุด หรือ 1.74% ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันยาวที่สุดในรอบเกิน 1 ปี ซึ่งการปรับตัวลดลงในช่วง 5 วันนี้ยังกลบการปรับขึ้นตัวมาทั้งปีอีกด้วย

ในช่วงการซื้อขายดัชนี DJIA ลดลงไปมากถึง 650 จุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งแตะระดับ 3% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปีนั้น จะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนปรับตัวสูงขึ้น และอาจเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตามการกลับเข้ามาซื้อของนักลงทุนในชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขาย ทำให้ดัชนีกระเตื้องขึ้นมาจากจุดต่ำสุดของวัน

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,634.56 จุด ลดลง 35.73 จุด หรือ -1.34%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,007.35 จุด ลดลง 121.25 จุด หรือ -1.70%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 75 ดอลลาร์/บาร์เรลในระหว่างวันซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดรับตั้งแต่ปี 2014 ขณะเดียวกันตลาดยังขานรับข่าว บริษัททาเคดะ ฟาร์มาซูติคัล ยังคงเดินหน้าเสนอซื้อกิจการของไชร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของยุโรป

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,425.40 จุด เพิ่มขึ้น 26.53 จุด หรือ 0.35%
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากระดับสูงสุดรอบ 7 สัปดาห์ จากการอ่อนตัวของหุ้นในกลุ่มอุปโภคบริโภค หลังจากที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในเดือนเมษายนของเยอรมนีร่วงลงเป็นเดือนที่ 5

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.02% ปิดที่ 383.11 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,550.82 จุด ลดลง 21.57 จุด หรือ -0.17% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,444.16 จุด เพิ่มขึ้น 5.61 จุด หรือ +0.10% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,425.40 จุด เพิ่มขึ้น 26.53 จุด หรือ +0.36%