HoonSmart.com>> “เอสซีจี แพคเกจจิ้ง” รุกขยายการลงทุนต่อเนื่อง เพิ่มกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษในประเทศไทยอีก 75,000 ตันต่อปี งบลงทุน 2,450 ล้านบาท คาดเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ภายในกลางปี 66 ชูระบบการทำงานอัตโนมัติและแอปพลิเคชันสำหรับการพิมพ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพตอบสองความต้องการบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูก รับแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เปิดเผยว่า SCGP เดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดตัดสินใจรุกขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูก (Corrugated Carton) และแผ่นกระดาษลูกฟูก (Sheet Board) ในประเทศไทยอีก 75,000 ตันต่อปี เพื่อเพิ่มความสามารถด้านการผลิต ตลอดจนนำเสนอ โซลูชัน สินค้า และบริการภายใต้โมเดล Total Packaging Solutions เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น หลังภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัว ตลอดจนช่วยเสริมศักยภาพและผสานกำลังกับธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น คงความเป็นผู้นำบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน
การลงทุนขยายกำลังการผลิตดังกล่าว ดำเนินการผ่านบริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด (TCG) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SCGP และ Rengo Company Limited ประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วน 70:30 ตามลำดับ ใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 2,450 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนในส่วนของเครื่องจักร การติดตั้งเครื่องจักร และเงินทุนหมุนเวียน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในกลางปี 2566
SCGP มั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยกระดับการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีระบบหุ่นยนต์ (Robotic) ระบบการทำงานอัตโนมัติ (Automation) และระบบพิมพ์ที่มีความทันสมัยเข้ามาปรับใช้ นอกจากนี้ยังทำให้บริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนด้านโลจิสติกส์ให้แข่งขันได้ดียิ่งขึ้นและยกระดับห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพ โดยการขยายกำลังการผลิตครั้งนี้อยู่ภายในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการและสมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ศูนย์รวมของกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ SCGP ประเมินความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกในประเทศไทย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีปัจจัยมาจากการขยายตัวของบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภค อาทิ บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารแช่แข็งและอาหารแปรรูปเพื่อการส่งออก บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภค บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าเพื่อสุขอนามัย รวมถึงการเติบโตของภาคการส่งออกจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบายสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาล ตลอดจนการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีต่อภาพรวมการใช้บรรจุภัณฑ์
SCGP มุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมากขึ้น โดยนำเสนอสินค้าบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ ตลอดจนให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยปัจจุบันมีฐานการผลิตรวมกว่า 50 แห่ง ทั้งในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศมาเลเซีย สหราชอาณาจักร และประเทศสเปน