BPP กำไรสุทธิ Q1/65 พุ่ง 182% รับส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมสูงขึ้น

HoonSmart.com>>”บ้านปู เพาเวอร์”(BPP) เผยกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/65 จำนวน 2,918 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,884 ล้านบาท หรือคิดเป็น 182% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมสูงขึ้น โดยรับรู้กำไรจากขายเงินลงทุนใน Sunseap และรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple I ในประเทศสหรัฐอเมริกา และโรงไฟฟ้า Nakoso ประเทศญี่ปุ่น

บริษัทบ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ 1 ปี 2565 กลุ่มบริษัทฯมีกำไรสุทธิ จำนวน 2,918 ล้านบาท (รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 22 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 1,884 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 182 จากไตรมาส 1/64 ทีมีกำไรสุทธิ 1,034 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA จำนวน 3,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,412 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่สูงขึ้นจากการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนใน Sunseap การรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรเพิ่มเติมจากโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ที่ลงทุนในระหว่างปี 2564 ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple I ในประเทศสหรัฐอเมริกา และโรงไฟฟ้า Nakoso ประเทศญี่ปุ่น

บริษัทฯ รายงานรายได้รวมจำนวน 3,861 ล้านบาท โดยมาจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม หรือ CHPs ทั้ง 3 แห่งในสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 2,567 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 755 ล้านบาท หรือร้อยละ 42 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า จากปริมาณขายไฟฟ้าและราคาขายไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเริ่มเข้าสู่ตลาดค้าส่งไฟฟ้าในปลายปี 2564 โดยแม้ราคาต้นทุนถ่านหินเฉลี่ยจะปรับตัวสูงขึ้น บริษัทฯ ยังคงความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นที่ 183 ล้านบาท สืบเนื่องจากการดำเนินตามมาตรการต่าง ๆ นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีการรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนเมื่อปลายปี 2564 โดยมีรายได้ในไตรมาส 1 อยู่ที่ 1,294 ล้านบาท และรายงานกำไรขั้นต้นที่ 69 ล้านบาท

โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้าจำนวน 3,232 ล้านบาท โดยส่วนหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ บ้านปู เน็กซ์ จำนวน 2,688 ล้านบาท จากการจำหน่ายเงินลงทุนในการร่วมค้าของกลุ่มธุรกิจซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการการลงทุน (Portfolio Rationalization) และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า HPC และ โรงไฟฟ้า Nakoso โดยโรงไฟฟ้า HPC รายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 642 ล้านบาท

ซึ่งในไตรมาสนี้ โรงไฟฟ้า HPC มีการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยผลิตที่ 2 เป็นเวลารวม 44 วันตามแผน ในขณะที่โรงไฟฟ้า Nakoso รายงานผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นมากในไตรมาสนี้ หลังจากที่มีการหยุดซ่อมบำรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าในไตรมาสที่
แล้ว โดยรายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 238 ล้านบาท สำหรับโรงไฟฟ้า SLG รายงานส่วนแบ่งขาดทุนที่ 254 ล้านบาท สืบเนื่องจากต้องเผชิญความท้าทายของราคาต้นทุนถ่านหินที่สูงขึ้นมาก โดยบริษัทฯ มีมาตรการที่จะปรับปรุงผลการดำเนินงาน โดยเริ่มมีการขายไฟฟ้าในตลาดค้าส่งไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้สามารถปรับราคาขายไฟฟ้าให้สะท้อนต้นทุนได้มากขึ้น ตลอดจนมีนโยบายเข้าเจรจาทำสัญญาซื้อขายถ่านหินกับรัฐวิสาหกิจจีนเพื่อลดความผันผวนของราคาต้นทุนถ่านหิน

หุ้น BPP ปิดที่ 16.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ +1.26%