SCCC กำไร 802 ลบ. Q1/65 ลดลง 25% ต้นทุนพุ่ง ขาดทุนค่าเงิน

HoonSmart.com>> “ปูนซีเมนต์นครหลวง” เปิดกำไรไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 802 ล้านบาท ลดลง 24.6% จากงวดปีก่อน อ่วมต้นทุนเชื้อเพลิงและวัตถุดิบพุ่ง แม้ความต้องการปูนซีเมนต์ฟื้นตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ หนุนรายได้เติบโต 21% ทั้งขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนหลังค่าเงินในประเทศศรีลังกาอ่อนตัวอย่างมีนัยสำคัญฉุดงบรวม ประเมินแนวโน้มปีนี้การเติบโตในตลาดหลักของกลุ่มบริษัทฯ เป็นไปอย่างจำกัด ภาคก่อสร้างที่อยู่อาศัยและอุตสาหกรรมยังไม่สดใสอุปทานส่วนเกินในกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์เผชิญ

บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิ 802.34 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.69 บาท ลดลง 24.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,063.35 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.57 บาท

ในไตรมาส 1/2565 ความต้องการปูนซีเมนต์มีสัญญาณบวกของการฟื้นตัวทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ผลกระทบเชิงภูมิรัฐศาสตร์และอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงและต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น ปรับลดรายได้จากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง

ความต้องการปูนซีเมนต์ที่แข็งแกร่งพร้อมด้วยปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นในตลาดส่วนใหญ่ ส่งผลให้รายได้สุทธิของกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้น 21.2% จาก 10,378 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2564 เพิ่มเป็น 12,576 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2565 และมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 10.6% เป็น 2,825 ล้านบาท

การเร่งผลักดันราคาจำหน่ายปูนซีเมนต์ให้เพิ่มขึ้น ช่วยชดเชยต้นทุนเชื้อเพลิงต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้นได้บางส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดต่างประเทศ

กลุ่มบริษัทฯ รับรู้ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศศรีลังกาและเวียดนาม รวมถึงผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ยังได้รับผลบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า ซึ่งเป็นผลให้กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ว่าค่าเสื่อราคาและค่าใช้จ่ายทางการเงินจะลดลง แต่กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลียน ซึ่งเป็นผลมาจากการอ่อนตัวของค่าเงินสกุลท้องถิ่นในประเทศศรีลังกาอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับแนวโน้มจากนี้ มองเศรษฐกิจยังคงถูกสั่นคลอนอย่างต่อเนื่อง จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์ในยุโรป กลุ่มบริษัทฯ คาดว่า การเติบโตในตลาดหลักของกลุ่มบริษัทฯ จะเป็นไปอย่างจำกัดในปี 2565 โดยโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐยังคงเป็นตัวสำคัญ ในขณะที่ภาคการก่อสร้างที่อยู่อาศัยทั่วไปเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมจะยังคงไม่สดใสอุปทานส่วนเกินในกลุ่มอุตสาหกรรมยังคงปัจจัยความเสี่ยงหลักที่อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์จะเผชิญในปี 2565

รวมถึงกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของคู่แข่ง ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นตัวลดทอนการปรับเพิ่มราคาจำหน่ายปูนซีเมนต์ ซึ่งมีความจำเป็นเพื่อที่จะส่งผ่านราคาเชื้อเพลิงและวัตถุดิบเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ