HoonSmart.com>> “ช.การช่าง” ประสบความสำเร็จออกหุ้นกู้ท่ามกลางสภาวะตลาดการเงินผันผวน “นักลงทุนสถาบัน-ผู้ลงทุนรายใหญ่” ตอบรับเกินวงเงินที่เสนอขาย ยอดจองล้น 1.5 เท่า ปิดขายมูลค่า 6,100 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นบริษัทฯ ความเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจก่อสร้างและการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคของไทย เตรียมนำเงินชำระหนี้ ขยายธุรกิจและการลงทุน
ดร. สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง (CK) เปิดเผยว่าการออกหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2565 ของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ ในเบื้องต้น บริษัทฯ ต้องการออกหุ้นกู้จำนวน 4,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากผลการสำรวจความต้องการลงทุนในหุ้นกู้ (Bookbuild) เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2565 มีผู้ลงทุนให้ความสนใจในการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทมากกว่ามูลค่าที่บริษัทมีแผนเสนอขายเดิมรวมกว่า 1.5 เท่า บริษัทฯ จึงตัดสินใจใช้ส่วนสำรองการเสนอขาย (Greenshoe) อีก 2,100 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อบริษัทฯ
หุ้นกู้ชุดใหม่นี้มีจำนวนทั้งหมด 4 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.88% มูลค่า 3,200 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.34% มูลค่า 500 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.85% มูลค่า 900 ล้านบาท และ หุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.31% มูลค่า 1,500 ล้านบาท ทั้งนี้ หุ้นกู้รุ่นอายุ 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี บริษัทฯ มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอนโดยเงื่อนไขเป็นไปตามข้อกำหนดสิทธิ หุ้นกู้ทั้ง 4 ชุดดังกล่าว ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ “A-” Stable outlook โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2565 และได้เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ มีกำหนดการออกหุ้นกู้ในวันที่ 6 พ.ค.2565
บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์การใช้เงินจากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อชำระคืนหนี้คงค้าง และ/หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ตลอดจนเพื่อขยายธุรกิจในส่วนที่เกี่ยวกับการซื้อสินทรัพย์ และ/หรือ การลงทุนของโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ และได้แต่งตั้งธนาคารกรุงเทพ และ ธนาคารกรุงไทย ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้
“บริษัทฯ สามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมาย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง รวมถึงการมองเห็นถึงศักยภาพของบริษัทในโครงการลงทุนต่าง ๆ ที่ผ่านมารวมถึงในอนาคต อาทิ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ ,บริษัท ทีทีดับบลิว, บริษัท ซีเคพาวเวอร์และบริษัท หลวงพระบาง พาวเวอร์ โดยทั้ง 4 บริษัทดังกล่าวดำเนินงานที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อาทิ ระบบขนส่งมวลชนและสาธารณูปโภคพื้นฐานซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานหรือสัญญาซื้อขายระยะยาว นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำในประเทศไทย ตลอดจนความสามารถในการรับงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่และโครงการที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมทั้งความแข็งแกร่งในการดำเนินโครงการและความยืดหยุ่นทางการเงินที่เกิดจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทฯ”ดร.สุภามาส กล่าว