หุ้น SMT พุ่ง 5.88% ลงทุนธุรกิจขุดบิทคอยน์-กำไร Q1/65 ดีกว่าคาด

HoonSmart.com>> หุ้น SMT พุ่ง 5.88% หลังบอร์ดมีมติให้ลงทุนธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ มูลค่าลงทุนไม่เกิน 150 ล้านบาท จะจัดซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์ระยะแรก 200 เครื่อง วงเงินราว 40 ล้านบาท หวังสร้างรายได้ใหม่ให้แก่บริษัท พร้อมกำไรไตรมาส 1/65 ดีกว่าคาด จากยอดขายรวมกลับมาเติบโตจากสถานการณ์วัตถุดิบดีขึ้น

เมื่อเวลา 10.41 น.หุ้น SMT พุ่ง 5.88% มาอยู่ที่ 5.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 65.66 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 5.10 บาท ขึ้นสูงสุด 5.45 บาท และต่ำสุด 5.00 บาท

บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) (SMT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 150 ล้านบาท โดยจะจัดซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์ในระยะแรกจำนวน 200 เครื่อง วงเงินประมาณ 40 ล้านบาท บริษัทได้จัดเตรียมสถานที่ ระบบไฟฟ้า ระบบอินเตอร์เน็ต และระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้แหล่งเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ใหม่ให้แก่บริษัท คาดว่าจะติดตั้งเครื่องจักรและระบบต่างๆ โดยทยอยแบ่งการลงทุนเป็นหลายระยะ

ทั้งนี้ บริษัทฯ เล็งเห็นข้อดีของการลงทุนเพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้สำหรับการผลิตเครื่องขุดบิทคอยน์และเป็นการต่อยอดหน่วยธุรกิจสำหรับการขุดบิทคอยน์เพิ่มขึ้น โดยบริษัทได้พิจารณาผลกระทบการบันทึกบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีที่เกี่ยวข้องแล้ว

บล.โนมูระ พัฒนสิน แนะนำ”ซื้อ”หุ้น SMT มีมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 มีกำไรสุทธิ 58 ล้านบาท (+12%y-y +27%q-q) ดีกว่าคาด หากหักผลของอัตราแลกเปลี่ยนรายไตรมาส ธุรกิจปกติมีกำไร 52 ล้านบาท (+16%y-y +12%q-q) เนื่องจากยอดขายรวม (+8%y-y +19%q-q) กลับมาเติบโตดีกว่าคาดจากสถานการณ์วัตถุดิบดีขึ้น โดยกลุ่ม PCBA มียอดขายเติบโตเด่น ส่วนกลุ่ม Optics ฟื้นตัวแรง q-q

นอกจากนี้ Gross margin ดีกว่าคาดที่ 20.7% ดีขึ้น y-y และ q-q จากการผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้มี Economy of scale ของการผลิต และมีผลบวกจากการผลิตสินค้าที่มีสัดส่วนวัตถุดิบประเภท Consignment และค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายมีสัดส่วน 11.9% ลดลงจาก 15.2% ในไตรมาส 4/64

แนวโน้มไตรมาส 2/65 คาดกำไรปกติเติบโต y-y และ q-q ตามทิศทางยอดขาย และ Gross margin ใกล้เคียงไตรมาส 1/65 โดยยังคงกำไรสุทธิปี 65 ที่ 275 ล้านบาท (+31%y-y) เติบโตตามยอดขายรวม (+37%y-y) ของสินค้า 3 กลุ่มหลัก รวมทั้งมีโอกาสขยายตลาดในยุโรปและเอเชียต่อยอดการเติบโต พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท