ดาวโจนส์ปิดดิ่งกว่า 1000 จุด วิตกเฟดดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวด

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรุด ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งกว่า 1,000 จุด ท่ามกลางความผันผวน หลังนักลงทุนประเมินเฟดมีโอกาสดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดมากขึ้นในอนาคต ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 45 เซนต์ ด้านตลาดหุ้นยุโรปร่วง ธนาคารกลางอังกฤษขึ้นดอกเบี้ยมาที่ระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี เพื่อคุมเงินเฟ้อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ปิดที่ 32,997.97 จุด ลดลง 1,063.09 จุด หรือ 3.12% เป็นการร่วงลงอย่างหนักภายในวันเดียวของปี 2022 ท่ามกลางความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนประเมินการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง(เฟด)ใหม่หลังจากขานรับการขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ไปเมื่อวานนี้

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,146.87 จุด ลดลง 153.30 จุด, -3.56%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,317.69 จุด ลดลง 647.16 จุด, -4.99%

บ่ายวันพุธนักลงทุนขานรับการขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ของเฟดเพราะเป็นไปตามคาดรวมทั้งการแถลงข่าวของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดที่กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตที่มากกว่า 0.50% นั้น “ไม่ใช่สิ่งที่เฟดกำลังพิจารณาอย่างแข็งขัน” ส่งผลให้ตลาดปรับตัวขึ้น

แต่เมื่อวานนี้นักลงทุนวิเคราะห์ข่าวเฟดละเอียดมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดทรุดตัวกลับมาในแดนลบ เพราะเฟดยังเปิดโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยไปเหนือระดับความเป็นกลางเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซัคคารีฮิล นักวิเคราะห์จาก Horizon Investments ระบุ

เคนท์ แองเกลเก้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Capitol Securities Management กล่าวว่า แรงเทขายหนักมาจากความวิตกว่านายพาวเวลล์อาจจะดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเกินไปในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ “ความกังวลคือเฟดอาจจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และจะดำเนินนโยบายแบบเข้มงวดมากขึ้นในอนาคต”

ไมเคิล เรย์โนลด์ รองประธานฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ Glenmede กล่าวว่า เมื่อนายพาวเวลล์กล่าวว่า เฟดไม่ได้พิจารณาถึงการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% นักนั้น นักลงทุนอาจจะคาดเดาเกินจริงเล็กน้อย เพราะในความเป็นจริง เฟดกำลังจะทำในสิ่งที่ต้องทำเพื่อดึงเงินเฟ้อลง นอกจากนี้การลดขนาดงบดุลที่มีมากถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์ของเฟดในเดือนมิถุนายนก็มองข้ามไม่ได้

จอห์น ลินช์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Comerica Wealth Management ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การที่ตลาดแกว่งตัวอย่างรวดเร็วบ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับเฟด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย “เทคโนโลยีและการเติบโตอย่างยั่งยืนจะหนุนตลาดปรับเพิ่มขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อเฟดให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อและมุ่งมั่นในการขึ้นดอกเบี้ย

แม้ไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในอนาคต การลด QE ของเฟดก็มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดที่คุ้นเคยกับมาตรการผ่อนคลายของเฟดเสียแล้ว
เดวิด รูเบนสไตน์ ผู้ก่อตั้ง Carlyle Group ให้สัมภาษณ์รายการ Squawk Box ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า นักลงทุนต้องกลับมายอมรับความจริงว่า ยังมีปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดและเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงสงครามในยูเครนและเงินเฟ้อ

“เรามองว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม FOMC สองครั้งหน้า ดังนั้นภาวะการเงินจึงตึงตัวขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ก็ไม่คิดว่าจะตึงตัวมากจนทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง … แต่เรายังต้องตระหนักว่าเรามีความท้าทายทางเศรษฐกิจที่แท้จริงในสหรัฐอเมริกา”

ซัค สไตน์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Carbon Collective กล่าวว่า ยังมีความไม่แน่นอนมากว่าการดำเนินนโยบายของเฟดในการคุมอัตราเงินเฟ้อ ที่ไม่ทำให้เกิดภาวะถดถอย

กระทรวงแรงงานรายงานการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 19,000 ราย เป็น 200,000 ราย สูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุุมภาพันธ์ และเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2021

นักลงทุนจับตาการรายงาน การจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเมษายนในวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 390,000 ตำแหน่ง

หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่เจอแรงเทขาย โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มลดลง 5.8% หุ้นแอมะซอนลดลง 7.1% หุ้นไมโครซอฟต์ลดลง 4.7% หุ้นเซลส์ฟอร์ซลดลง 6.3% หุ้นแอปเปิลดลง 5.6%

ในกลุ่มอี-คอมเมิรซหุ้น Etsy ลดลง 15% หุ้นอีเบย์ลด 8% หลังคากการณ์รายได้ไม่สดใส หุ้นShopify ลดลง 17% หลังผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาด

หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจลดลง โดยหุ้นแคทเธอพิลลาร์ลดลง 3% หุ้นเจพีมอร์แกนเชสลดลง 3.5% หุ้นโฮมดีโป้ลดลง 5%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเดินทางและสันทนาการที่ลดลง 3.6% กลุ่มประกันภัยลดลง 2.8% จากที่ปรับขึ้นในช่วงแรก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ตามคาด และนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดปัดความเป็นไปได้ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 0.75% ในการประชุมครั้งต่อไป

ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ขึ้นดอกเบี้ยมาที่ระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีเพื่อคุมเงินเฟ้อ โดยคณะกรรมการมีมติ 6 ต่อ 3 ให้ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มาที่ 1% และมีกรรมการส่วนหนึ่งเห็นว่าน่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% มาที่ to 1.25%

บีโออียังเตือนว่ามีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะถดถอย โดยคาดว่า GDP จะหดตัวในไตรมาสสุดท้ายของปี

นักลงทุนยังเกาะติดสถานการณ์สงครามในยูเครน รวมไปถึงการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน

หุ้นแอร์บัสบวกกว่า 6% จากผลการดำเนินงานไตรมาสหนึ่งทีแข็งแกร่ง

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 438.26 จุด ลดลง 3.11 จุด, -0.70%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิด 7,503.27 จุด เพิ่มขึ้น 9.82 จุด, +0.13%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,368.40 จุด ลดลง 27.28 จุด, -0.43%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,902.52 จุด ลดลง 68.30 จุด, -0.49%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 45 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 108.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 110.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล