HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่ง ดัชนีดาวโจนส์ทะยาน 900 จุด กว่า 2.81% ดัชนี Nasdaq พุ่ง 3.19% ขานรับเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ตามตลาดคาด เริ่มลดขนาดงบดุลเดือนมิ.ย.นี้ ส่งสัญญาณไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุกในการประชุมครั้งหน้า ราคาน้ำมันดิบพุ่งกว่า 5% ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ลดลง ก่อนรู้ผลประชุมเฟด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 4 พฤษภาคม 2565 ปิดที่ 34,061.06 จุด เพิ่มขึ้น 932.27 จุด หรือ 2.81% หลังจากที่ธนาคารกลาง(เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งมากกว่าแนวปฏิบัติปกติและประธานเฟดปัดความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยให้แรงขึ้นอีกเพื่อคุมเงินเฟ้อ
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,300.17 จุด เพิ่มขึ้น 124.69 จุด, +2.99%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,964.86 จุด พุ่งขึ้น 401.10 จุด, +3.19%
ที่ประชุมเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ยขึ้น 0.50% และจะลดขนาดงบดุลลงในเดือนมิถุนายน ซึ่งนับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยมากสุดนับตั้งแต่ปี 2000 แต่ก็ไม่เกินจากที่นักลงทุนได้คาดการณ์ไว้
เฟดจะลดงบดุลที่มีขนาด 9 ล้านล้านดอลลาร์ลงในช่วงแรกจำนวน 47.5 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน ทั้งในส่วนของพันธบัตรและ MBS หลังจากนั้นอีกสามเดือนจะเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 95 พันล้านดอลลาร์
หุ้นพุ่งขึ้นแรงหลังนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุกในการประชุมครั้งหน้า
นายพาวเวลล์กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ไม่ได้เป็นสิ่งที่คณะกรรมการพิจารณามากนัก ซึ่งเป็นเพราะคาดว่าเราจะเริ่มเห็นเงินเฟ้อลดลง
นายพาวเวลล์ยังเชื่อว่า เฟดจะชะลอเศรษฐกิจได้โดยไม่ทำให้การว่างงานพุ่งขึ้น โดยชี้ว่ายังมีตำแหน่งงานว่างอีกมากและครัวเรือนยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
“ผมอยากจะบอกว่าเรามีโอกาสดีที่จะทำให้เศรษฐกิจ soft landing”
นายพาวเวลล์ย้ำในการแถลงข่าวว่า เงินเฟ้อสูงเกินไป และให้ความเห็นว่าการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% จะอยู่ในการพิจาณาในการประชุมครั้งหน้า
คิม ฟอเรสต์ ผู้ก่อตั้งBokeh Capital กล่าวว่า การแถลงของเฟดได้ทำให้ตลาดคลายกังวล
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นไปที่เหนือ 3% ใกล้ ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ธันวาคม 2018 แต่อ่อนตัวลงมาที่ 2.93% หลังการแถลงของนายพาวเวลล์
นักลงทุนขานรับที่เฟดเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ หุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโฮมดีโป้เพิ่มขึ้น 3.4% หุ้นแคทเธอพิลลาร์เพิ่มขึ้น 4.2% หุ้นกลุ่มธนาคารก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปเพิ่มขึ้น 4.3% หุ้นเจพีมอร์แกนเชสเพิ่มขึ้น 3.3%
ตลาดปรับตัวขึ้นยกแผง หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่พากันปรบขึ้นโดยหุ้นแอปเปิล หุ้นอัลฟาเบทต่างบวกกว่า 4%
ในกลุ่มพลังงานหุ้นเชฟรอนเพิ่มขึ้น 3.1% หุ้นเอ็กซอนโมบิลเพิ่มขึ้น ราว 4%
หุ้น Lyft ธุรกิจ ridesharing ลดลง 30% หลังคากการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาสนี้ไม่สดใส หุ้น Uber ลดลง 4%
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ รายงาน การจ้างงานของภาคเอกชนเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 247,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่า 395,000 ตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด
สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงานดัชนีภาคบริการเดือนเมษายนลดลงมาที่ระดับ 57.1 ต่ำกว่า 58.5 ที่นักวิเคราะห์คาด
กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า เดือนมีนาคมสหรัฐฯขาดดุลการค้า 1.098 แสนล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 22.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่า 1.07 แสนล้านดอลลาร์ที่นักวิเคราะห์คาด
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มค้าปลีกที่ลดลง 2.3% นักลงทุนรอผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ขณะที่การรายงานผลการดำเนินงานมีผลต่อหุ้นรายตัว
ในสวีเดนหุ้น Skanska บริษัทก่อสร้างลดลง 10% หลังรายงานผลประกอบการ
ยอดค้าปลีกยูโรโซนเดือนมีนาคมลดลง 0.4% จากเดือนก่อนหน้าและต่ำกว่าการเพิ่มขึ้น 0.1% ที่นักวิเคราะห์คาด ขณะที่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(Purchasing Managers Index :PMI)รวม เดือนเมษายนลดลงมาที่ 55.5 จาก 56.5 ในเดือนมีนาคม และลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม
นักลงทุนยังเกาะติดสถานการณ์สงครามในเยูเครน ขณะที่สหภาพยุโรปจะคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมซึ่งรวมถึงงดการนำเข้าน้ำมันรัสเซีย 6 เดือน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 441.37 จุด ลดลง 4.83 จุด, -1.08%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,493.45 จุด ลดลง 67.88 จุด, -0.90%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,395.68 จุด ลดลง 80.50 จุด, -1.24%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,970.82 จุด ลดลง 68.65 จุด, -0.49%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 5.40 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 107.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 5.17 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 110.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล