SAWAD คืนใบอนุญาต BFIT -บิ๊กบึ้มควบรวม 3 บริษัทในกลุ่ม

HoonSmart.com>>”ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น”จัดโครงสร้างธุรกิจใหม่ ให้บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ (BFIT) คืนใบอนุญาต ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นควบรวม SWAD-BFIT  มิ.ย.นี้  ขายหุ้นบริษัทศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล (SCAP) ทั้งหมด 65% มูลค่า 11,700 ล้านบาท ให้ BFIT แลกหุ้นเพิ่มทุน สร้าง S-Curve 

บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติให้บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ (BFIT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทถือหุ้นสัดส่วน 81.64% คืนใบอนุญาตธุรกิจเงินทุน เพื่อเลิกประกอบธุรกิจเงินทุน คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3/2565 เนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน BFIT ได้ชะลอการปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกันและมีความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อเป็นอย่างมาก ส่งผลกระทบให้นโยบายในการดำนินธุรกิจในอนาคตของกลุ่มบริษัทฯมีความไม่คล่องตัว ทำให้ต้องมีการพิจารณานโยบายในการดําเนินธุรกิจให้ชัดเจน เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มบริษัทฯ ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) ของกลุ่มบริษัทฯ

ทั้งนี้หากการคืนใบอนุญาตดังกล่าวแล้วเสร็จ BFIT มีแผนจะประกอบธุรกิจ 1.ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) แก่บุคคลรายย่อยทั่วไปที่ต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่จากผู้จัดจําหน่าย (Dealers) โดยกรรมสิทธิในทรัพย์สินดังกล่าวจะโอนให้แก่ผู้เช่าซื้อ เมื่อผู้เช่าซื้อจ่ายค่างวดครบถ้วนตามสัญญา และ2.ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกํากับของ ธปท. ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นพนักงานประจําที่มีรายได้ที่มั่นคงและแน่นอน คาดว่าจะเริ่มประกอบธุรกิจใหม่ได้ภายในไตรมาสที่ 3/2565

นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติให้บริษัทจำหน่ายหุ้นของบริษัทศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล (SCAP) ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกํากับ ซึ่งถือบริษัทฯถือหุ้นสัดส่วน 65% หรือจำนวน 39 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 300 บาท รวมมูลค่า 11,700 ล้านบาท ให้แก่ BFIT  โดยวิธีแลกหุ้นตอบแทน บริษัทซื้อหุ้นเพิ่มทุน BFIT จำนวน 487.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 24 บาท มูลค่า 11,700 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทถือหุ้นจำนวน 81.64% ภายหลังกระบวนการแล้วเสร็จ สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯจะลดลง 72.05%

ขณะเดียวกัน BFIT จะรับโอนหุ้น SCAP ที่เหลืออีก จำนวน 21 ล้านหุ้น คิดเป็น 35% จาก นายวิชิต พยุหนาวีชัย ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นรายอื่นของ SCAP อีกจํานวน 9 ราย มูลค่า 6,300 ล้านบาท เพื่อถือหุ้นทั้งหมด 100%ของหุ้นทั้งหมด  โดยเฉพาะหุ้นในส่วนของนายวิชิต 35% เสนอขายหุ้นเพิ่มทุน BFIT ให้ นายวิชิต ทั้งนี้ SCAP ถือหุ้นบริษัท เอส ลิสซิง (SCAP ) สัดส่วน 90% และบริษัท คาเธ่ย์ ลีสซิ่ง ถือ 100%

น.ส.ธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ก้าวสำคัญในการควบรวมธุรกิจ BFIT และ SCAP เป็นส่วนหนึ่งในแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อผลักดัน SCAP ให้มีความคล่องตัวในการขยายสินเชื่อซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยจะขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น SAWAD และ BFIT ในการควบรวมกิจการช่วงเดือน มิ.ย.นี้ คาดว่าการแลกหุ้นจะแล้วเสร็จช่วงไตรมาสที่ 3  โครงสร้างใหม่จะแยกธุรกิจชัดเจน   SAWAD จะดูแลธุรกิจจำนำเป็นหลัก ส่วน BFIT จะรุกธุรกิจด้านสินเชื่ออื่นๆ อาทิ ธุรกิจเช่าซื้อทุกประเภทแบบครบวงจร และ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

นาย ธิติธรรม โรจนพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ BFIT กล่าวว่า การเข้าซื้อหุ้นของ SCAP เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่ม SAWAD  เกิดประสิทธิภาพที่ดี ผู้ถือหุ้น BFIT จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากศักยภาพของบริษัทฯที่จะเติบโตแบบไร้ขีดจำกัด ธุรกิจของSCAP ในปัจจุบันและอนาคตมีอัตราการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด และเป็นธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์และมีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น

นาย วิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ SCAP เปิดเผยว่า การควบรวมกิจการ ส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นอย่างมาก  บริษัทฯอยู่ในระยะการเติบโตอย่างก้าวกระโดด สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ยอดสินเชื่อใหม่ในไตรมาสแรกของปี 2565 เติบโตมากกว่า 157 % จากปีก่อน  และเติบโตกว่า 79% เมื่อเทียบกับไตรมาส4/2564 สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้างเมื่อการควบรวมกับ BFIT แล้วเสร็จ

” แนวโน้มธุรกิจสินเชื่อรายย่อยอยู่ในระยะการเติบโตที่ต้องจับตามอง หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มผ่อนคลายลง การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคจะค่อยๆทยอยฟื้นตัว หนุนให้การปล่อยสินเชื่อเติบโตได้ดี โดย SCAP ได้วางแนวทางในการผ่อนคลายความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น  พร้อมเพิ่มช่องทางการเข้าถึงและเพิ่มผลิตภัณฑ์มากขึ้น เพื่อสร้างรายได้และผลกำไรที่เติบโตอย่างโดดเด่น ผมเชื่อว่าธุรกิจสินเชื่อเป็นธุรกิจที่มีอนาคต หากรวมกับเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ การเข้าถึงสินเชื่อจะเป็นเรื่องง่ายขึ้น สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตได้ดีในระยะยาวอย่างยั่งยืน” วิชิต กล่าว