HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่ง ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วง 809 จุด กว่า 2.38% ดัชนี Nasdaq ลบ 3.95% แรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี “ไมโครซอฟต์-อัลฟาเบท” ก่อนรายงานผลประกอบการ นักลงทุนวิตกเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว จีนล็อกดาวน์กระทบห่วงโซ่อุปทานชะงัก แรงขายหุ้นแบงก์หลังบอนด์ยีลด์อ่อนตัวลง ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น WTI บวก 3.16 ดอลลาร์ กลับมายืนเหนือ 100 ดอลลาร์ ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 25 เมษายน 2565 ปิดที่ 33,240.18 จุด ลดลง 809.28 จุด หรือ 2.38% ด้วยแรงเทขายช่วงท้ายตลาดนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,175.20 จุด ลดลง 120.92 จุด, -2.81%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,490.74 จุด ลดลง 514.11 จุด, -3.95%
ดัชนี Nasdaq Composite แตะระดับต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์จากการร่วงลงของกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากนักลงทุนไม่รอการแจ้งผลประกอบการไตรมาสแรกของไมโครซอฟต์ และอัลฟาเบทหลังปิดตลาด เพราะเกรงว่าจะเหมือนเน็ตฟลิกซ์ที่มีข้อมูลด้านลบมากขึ้น
หุ้นไมโครซอฟต์และหุ้นอัลฟาเบทต่างลดลงมากกว่า 3% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ลดลง 5.5%
ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกมีมากขึ้น ขณะที่นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการระบาดของโควิดในจีนที่ทำให้ต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ และอาจจะทำให้ห่วงโซ่อุปทานชะงัก รวมไปถึงสงครามในยูเครน นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อที่สูงในสหรัฐฯทำให้ความต้องการสินค้าหลายกลุ่มลดลง
แบรด แมคมิลแลน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Commonwealth Financial Network ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัทได้เห็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการเติบโตกำลังชะลอตัว และมีการพูดกันถึงภาวะถดถอยในปีหน้าหรือสองปีข้างหน้า
หุ้นเทสลาซึ่งมีจีนเป็นหนึ่งในตลาดหลักลดลง 12.2%
สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ Conference Board รายงานผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนเมษายนลดลงมาที่ 107.3 จาก 107.6 ในเดือนมีนาคม และต่ำกว่า 108.0 ที่นักวิเคราะห์คาด
กระทรวงพาณิชย์รายงาน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เดือนมีาคมเพิ่มขึ้น 0.8% สูงกว่า 0.5% ขณะที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.0%
ด้านยอดขายบ้านใหม่เดือนมีนาคมมีจำนวน 763,000 ยูนิต ลดลง 8.6% จากเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่า 765,000 ยูนิต ที่นักวิเคราะห์คาด เมื่อเทียบรายปี ลดลง 12.6%
หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากวัฏจักรการเติบโตทางเศรษฐกิจปรับตัวลดลง โดยหุ้น 3M ลดลงประมาณ 3% แม้รายงานผลกำไรดีเกินคาด เพราะบริษัทชี้ถึงความท้าทายด้านเศรษฐกิจมหภาคและภูมิรัฐศาสตร์ในอนาคต หุ้นUPS ลดลงเกือบ 3.5% แม้รายรับไตรมาสแรกสูงกว่าคาด
หุ้น General Electric ลดลง 10.3% และหุ้นโบอิ้งลดลง 5%
หุ้นธนาคารก็ลดลงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอ่อนตัวลงมาต่ำกว่า 2.8% โดยหุ้นเวลลส์ ฟาร์โก ลดลง 2.7% และ หุ้นแบงก์ออฟอเมริกาลดลง 2.3%
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ นำโดยกลุ่มธนาคาร เทคโนโลยีและกลุ่มรถยนต์ จากความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เงินเฟ้อ เศรษฐกิจชะลอตัวและสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน
หุ้นยูบีเอสปิดไม่เปลี่ยนแปลงแม้กำไรดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนหุ้น HSBC ลดลง 5% after หลังรายงานกำไรไตรมาสแรกลดลง 27%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 441.1 จุด ลดลง 4.01 จุด, -0.90%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,386.19 จุด เพิ่มขึ้น 5.65 จุด, +0.08%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,414.57 จุด ลดลง 34.81 จุด, -0.54%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,756.40 จุด ลดลง 167.77 จุด, -1.20%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 3.16 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 101.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 2.67 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 104.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล