ดาวโจนส์ปิดบวก 238 จุด นักลงทุนซื้อหุ้นเทคโนโลยี

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัว ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 238 จุด หลังร่วงเกือบ 500 จุดในช่วงแรก แรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังบอนด์ยีลด์อ่อนตัวลงมาที่ 2.8% ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 3.53 ดอลลาร์ หลุดต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงแรง กังวลโควิดในจีนรอบใหม่ กลบข่าวดีผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในฝรั่งเศส “เอ็มมานูเอล มาครง” คว้าชัย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 25 เมษายน 2565 ปิดที่ 34,049.46 จุด เพิ่มขึ้น 238.06 จุด หรือ 0.70% จากที่ร่วงลงไปเกือบ 500 จุดในช่วงแรก ด้วยการปรับตัวขึ้นของกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,296.12 จุด เพิ่มขึ้น 24.34 จุด, +0.57%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,004.85 จุด เพิ่มขึ้น 165.56 จุด, +1.29%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอ่อนตัวลงมาที่ 2.8% จากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจีน จากที่วิตกเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ประสบกับเงินเฟ้อและนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นอยู่แล้ว

บทวิเคราะห์ของเฮเลน เฉียว นักเศรษฐศาสตร์ของแบงก์ ออฟ อเมริกาปรับลดคาดการณ์ เศรษฐกิจจีนในปี 2022 ลงมาที่ 4.2% จาก 4.8% เป็นผลจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์มากขึ้นทั่วประเทศ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น จึงเป็นแรงหนุนตลาด โดยหุ้นไมโครซอฟต์เพิ่มขึ้น 2.4% หุ้นอัลฟาเบทเพิ่มขึ้นราว 2.9% หุ้นเมตา แฟพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น 1.6% ก่อนรายงานผลการดำเนินงานในสัปดาห์นี้

หุ้นทวิตเตอร์เพิ่มขึ้น 5.7% หลังประกาศรับข้อเสนอการซื้อกิจการมูลค่า 44 พันล้านดอลลาร์จากนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเทสลา

เจฟฟ์ คิลเบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน จากSanctuary Wealth กล่าวว่า สัปดาห์นี้นักลงทุนสนใจหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ จากที่ถูกเทขายหนัก

ในขณะที่รอการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในสัปดาห์หน้า นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การรายงานการผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนราว 160 บริษัทในดัชนี S&P 500 ในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่

ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกจากการใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสของจีนทำให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 3.5% ไปที่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง โดยหุ้นเชฟรอนลดลง 2.20% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 3.37% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 4.47% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 6.26%

หุ้นโคคา-โคล่า เพิ่มขึ้น 1.06% จากกำไรและรายได้สูงนักวิเคราะห์คาด

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดร่วงแรง นำโดยกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานที่ลดลง 5.9% ด้วยความกังวลว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจีนรอบใหม่กลบข่าวดีผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในฝรั่งเศส ที่นางเอ็มมานูเอล มาครงคว้าชัย

นักลงทุนยังเกาะติดสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนหลังรัสเซียรุกคืบเข้าไปในยูเครนเป็นวันที่สาม

ในเนเธอร์แลนด์ หุ้นฟิลิปส์ลดลงกว่า 11% จากกำไรไตรมาสแรกที่ร่วงลง

สถาบัน Ifo รายงานความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 91.8 จาก 90.8 ในเดือนมีนาคม

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 445.11 จุด ลดลง 8.20 จุด, -1.81%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,380.54 จุด ลดลง 141.14 จุด, -1.88%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,449.38 จุด ลดลง 132.04 จุด,-2.01%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,924.17 จุด ลดลง 217.92 จุด, -1.54%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 3.53 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 98.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 4.33 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 102.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ่านข่าว

ราคาน้ำมันดิบร่วงกว่า 3% WTI ต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ ทองลง