HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยคาดหุ้นสัปดาห์หน้า มี 4 ปัจจัยชี้นำ แต่แกว่งขึ้นไม่เกิน 1,710 จุด ส่วนค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยคาดเคลื่อนไหวที่ 33.70-34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังจากแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 4 เดือนที่ 33.95 บาท ตามค่าเงินในภูมิภาค ต่างชาติขายพันธบัตรไทย
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (25-29 เม.ย.) ว่า ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,675 และ 1,660 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,700 และ 1,710 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/65 ของบจ.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนมี.ค. รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/65 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ของจีน ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/65 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเม.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน
หุ้นปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน จากย่อตัวลงช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ตามแรงฉุดในหุ้นกลุ่มธนาคารระหว่างรอดูผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 1/2565 อย่างไรก็ดี SET Index พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นในช่วงต่อมาสอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิหุ้นไทยของต่างชาติในช่วงกลางสัปดาห์ ประกอบกับมีอานิสงส์จากความหวังต่อการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมของภาครัฐ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อหุ้นหลายกลุ่ม อย่างไรก็ดี ช่วงบวกของหุ้น ถูกจำกัดในช่วงปลายสัปดาห์ หลังประธานเฟดส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดูแลปัญหาเงินเฟ้อ
ในวันศุกร์ (22 เม.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,690.59 จุด เพิ่มขึ้น 0.97% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 70,003.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.26% ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 5.07% มาปิดที่ 688.90 จุด
สำหรับค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (25-29 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 33.70-34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 4 เดือนที่ 33.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ ช่วงปลายสัปดาห์ สอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย นำโดยเงินหยวนที่อ่อนค่าสุดในรอบ 7 เดือน จากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีน และเงินเยนที่ร่วงลงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 20 ปีระหว่างสัปดาห์ ท่ามกลางความแตกต่างระหว่างแนวโน้มนโยบายการเงินของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นรับการคาดการณ์ถึงโอกาสของการขึ้นดอกเบี้ยแบบแข็งกร้าวของเฟด เพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมในระหว่างสัปดาห์จากแรงขายของต่างชาติในตลาดพันธบัตรไทย
ในวันศุกร์ (22 เม.ย.) เงินบาทปิดตลาดที่ 33.93 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.65 บาท ในวันอังคารก่อนหน้า (12 เม.ย.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 18-22 เม.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3,292.46 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น NET OUTFLOW ในตลาดพันธบัตร 11,686 ล้านบาท (มาจาก การขายสุทธิพันธบัตร 4,167 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 7,519 ล้านบาท)