HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 386 จุด หลังเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนหน้า บอนด์ยีลพ์ปรับเพิ่มขึ้น กลบปัจจัยบวกผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกว่า 1% ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวก ขานรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน นักลงทุนยังเกาะติดรัสเซียกับยูเครนที่มีการสู้รอบสองในภูมิภาคดอนบาส
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 21 เมษายน มีนาคม 2565 ปิดที่ 34,792.76 จุด ลดลง 368.03 จุด หรือ 1.05% ในช่วงบ่ายจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลาง (เฟด) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากในการประชุมเดือนหน้า ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้นกลบปัจจัยบวกการรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,393.66 จุด ลดลง 65.79 จุด, -1.48%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,174.65 จุด ลดลง 278.41 จุด, -2.07%
อัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปีปรับเพิ่มขึ้นมาที่เหนือ 2.9% และใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีหลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลาง (เฟด) ส่งสัญญานการปรับเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากในช่วงแรก 0.50% เพื่อจัดการกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออย่างรวดเร็ว
นายพาวเวลล์ กล่าวในการประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศว่าด้วยเศรษฐกิจโลกเมื่อบ่ายวันพฤหัสบดีว่า “เป็นการเหมาะสมแล้วในความเห็นของผมที่จะดำเนินการให้เร็วขึ้นอีกนิด” ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และยังคิดว่าการขึ้นดอกเบี้ยอย่างมากในช่วงแรกก็เหมาะสม ผมว่า 0.50% จะได้เห็นในการประชุมเดือนพฤษภาคม”
นางแมรี เดลี ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก ซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการที่มีสิทธิออกเสียงในคระกรรมการ FOMC ให้สัมภาษณ์กับ Yahoo Finance ว่า สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งมากกว่าปกติหลังการประชุมเฟดในเดือนพฤษภาคม เพราะแรงกดดันด้านราคา
โจเซฟ คาลิช หัวหน้านักกลยุทธ์ของ Ned Davis Research กล่าวว่า แม้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะแตะระดับสูงสุดในเร็วๆ นี้ แต่หากยังไม่เป็นอย่างนั้น ห่วงโซ่อุปทานที่ยังคงชะงักงันและการจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จากการเกษียณอายุและความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับโควิด อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมากกว่า เป้าหมาย 2% ของเฟดถึงเท่าตัวได้ไม่ยาก
“ด้วยเหตุนี้ เฟดอาจต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าระดับสูงสุด 3.25% ถึง 3.50% ที่ตลาดคาดภายในหน่งปีต่อจากนี้”
ตลาดเจอแรงเทขยายทั่วทั้งกระดาน แต่หุ้นที่รายงานผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งช่วยไม่ให้ตลาดลดลงมาก
หุ้นเทสลาเพิ่มขึ้น 3.23% จากผลการดำเนินงานสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
กลุ่มพลังงานและกลุ่มวัสดุอ่อนตัวลงมาก โดยหุ้นเชฟรอนลดลง 4.6% หุ้นโมเสกลดลง 9.4%
รวมไปถึงกลุ่มเทคโนโลยี หุ้น Nvidia ลดลง 6% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ลดลง 3.5% และหุ้นอัลฟาเบทลดลง 2.5%
กระทรวงแรงงานรายงานการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วมีจำนวน 184,000 ราย ลดลง 2,000 ราย
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวก นำโดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น 1.9% จากรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่นักลงทุนยังเกาะติดสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่มีการสู้รอบสองในภูมิภาคดอนบาส
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 461.57 จุด เพิ่มขึ้น 1.47 จุด หรือ +0.32%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,627.95 จุด ลดลง 1.27 จุดหรือ -0.02%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,715.10 จุด เพิ่มขึ้น 90.19 จุด หรือ +1.36%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,502.41 จุด เพิ่มขึ้น 140.38 จุด หรือ +0.98%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 103.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 1.53 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 108.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล