ดาวโจนส์พุ่ง 499 จุด รับผลประกอบการดี

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3  แห่งปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะ Nasdaq เพิ่มขึ้นกว่า 2% รับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนดีเกินคาด เจ้าหน้าเฟดไม่เห็นด้วยเร่งขึ้นดอกเบี้ย บอนด์ยีลด์ขึ้นแตะ 3% ครั้งแรกในรอบ 3 ปีหนุนหุ้นธนาคาร  หุ้นเทคโนโลยี-เดินทางเด่น ราคาน้ำมันดิบลดลงเร็ว คลายกังวลเงินเฟ้อ IMF ปรับลดคาดการณ์เติบโตเศรษฐกิจโลกปีนี้มาที่ 3.6% จาก 4.4% ปี 2566 มาที่ 3.6% จาก 3.8% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 20 เม.ย.2565 ปิดที่ 34,911.20 จุด เพิ่มขึ้น 499.51 จุด หรือ 1.45% จากต้นสัปดาห์ที่ซบเซา นักลงทุนขานรับผลประกอบการ รวมทั้งการแสดงความเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่ยังคงเกาะติดความเคลื่อนไหวอัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยีลด์)

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,462.21 จุด เพิ่มขึ้น 70.52 จุด, +1.61%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,619.66 จุด เพิ่มขึ้น 287.30 จุด, +2.15%

การรายงานผลการดำเนินงานมีผลต่อตลาดเมื่อวานนี้ โดยหุ้นจอห์นสันแอนด์จอห์นสันซึ่งกำไรต่อหุ้นดีกว่าคาดแต่รายได้ต่ำกว่าคาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% และเป็นแรงหนุนตลาด

นายราฟาเอล บอสติค ประธานเฟดสาขา แอตแลนตาและนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขา ชิคาโก ต่างไม่เห็นด้วยกับการเร่งขึ้นดอกเบี้ย

นายบอสติกให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้ว่า อัตราดอกเบี้ยควรมีภาวะ “เป็นกลาง” โดยไม่ได้ส่งเสริมหรือจำกัดการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยอัตราที่เป็นกลางอาจอยู่ระหว่าง 2% ถึง 2.5% และอัตราดอกเบี้ย Fed fund rate สามารถอยู่ในระดับต่ำที่ 1.75% ได้

ด้านนายอีแวนส์กล่าวในการประชุมที่นิวยอร์กว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปที่ 2.25% – 2.50% ภายในปีนี้ จากนั้นประเมินภาวะเศรษฐกิจ หากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงค่อยปรับให้สูงขึ้นได้อีก

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3% ครั้งแรกในรอบ 3 ปี

หุ้นธนาคารปรับตัวขึ้นหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรขยับสูงขึ้น หุ้นเจพีมอร์แกน เพิ่มขึ้นมากกว่า 2% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 1.84% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาเพิ่มขึ้น 1.77% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก เพิ่มขึ้น 1.4%

หุ้นเทคโนโลยีปรับเพิ่มขึ้น โดยหุ้นดิสนีย์และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ต่างเพิ่มขึ้น 3.2% หุ้นไมโครซอฟต์เพิ่มขึ้น 1.7% หุ้นอัลฟาเบทเพิ่มขึ้น 1.8%

หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวขึ้น หลังจากศาลแขวงรัฐฟลอริดามีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งการสวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบินและระบบขนส่งสาธารณะ โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 5.66% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 4.05% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 2.11% หุ้นเจ็ตบลู แอร์เวย์ส เพิ่มขึ้น 2.92% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 2.36%

ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ลดลงอย่างรวดเร็วเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนตลาดเมื่อวานนี้ ซึ่งอาจช่วยให้กับนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อได้บ้าง

กระทรวงพาณิชย์รายงานข้อมูลการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 0.3% มาที่ระดับ 1.793 ล้านยูนิต จาก 1.788 ล้านยูนิตในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงมาที่ระดับ 1.745 ล้านยูนิต

แองเจโล คูร์คาฟาส นักกลยุทธการลงทุนของ Edward Jones กล่าวว่า ข้อมูลทางเศรษฐกิจยังคงเติบโตได้ดี และยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งอยู่บ้าง แม้ความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยจะเพิ่มมากขึ้น และมีความเห็นเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจก็มากขึ้น

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แถลงเมื่อวันอังคารว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะ “ชะลอตัวลงอย่างมาก” ในปีนี้ จากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย และได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ มาที่ 3.6% จาก 4.4% ที่คาดการณ์ในเดือนมกราคม และปรับลดคาดการณ์ในปี 2566 มาที่ 3.6% จาก 3.8%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ นำโดยกลุ่มประกันภัย นักลงทุนยังจับตาสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน หลังยูเครนเปิดเผยว่า การรุกรานในภูมิภาค Donbas ทางตะวันออกของยูเครนได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยมีการโจมตีที่รุนแรงขึ้นในเขตปฏิบัติการ Slobozhansky และ Donetsk ทางตอนเหนือและตะวันออกของประเทศ

ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่ไม่มีแนวโน้มจะยุติทำให้ ธนาคารโลกปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทั่วโลกสำหรับปี 2565 ลงเกือบจาก 4.1% เป็น 3.2%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 456.28 จุด ลดลง 3.54 จุด, -0.77%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,601.28 จุด ลดลง 15.10 จุด, -0.20%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,534.79 จุด ลดลง 54.56 จุด, -0.83%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,153.46 จุด ลดลง 10.39 จุด, -0.07%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมลดลง 5.65 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 102.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 5.91 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 107.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล