Cyborg Trader : เทรด TFEX ด้วยเทคโนโลยี

HoonSmart.com>>ถึงเวลาต่อกรกับอนุพันธ์ด้วย Cyborg Trade !! กับ Workshop สุดพิเศษจาก TFEX “Robot Trade อาวุธ (ไม่) ลับ สร้างกำไรได้ ด้วยระบบเทรดอัตโนมัติ” ครั้งนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ “Cyborg Trade” แค่ชื่อก็น่าสนใจมากแล้ว แต่จะแตกต่างหรือเหมือนกับการเทรดด้วยมืออย่างไร เราไปดูกันเลย

Cyborg Trade คือการเทรดแบบครึ่งคนครึ่งโรบอต พูดง่ายๆ ว่าเป็นลูกผสมของโรบอตกับคนนั่นเอง แม้ว่าโรบอตจะช่วยให้เราเทรดได้สะดวกมากขึ้น แต่ก็มีบางอย่างที่ต้องอาศัยการวางแผนและตัดสินใจของนักลงทุนเข้ามาช่วย เพื่อให้แผนที่คุณวางไว้ทำงานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ซึ่งในครั้งนี้เรายังคงใช้โปรแกรม MT4 และ EA Indicator ตัวช่วยของเรา มาเริ่มกันที่หัวข้อแรก

ถึงเวลาต่อกรกับอนุพันธ์ด้วย Cyborg Trade !! กับ Workshop สุดพิเศษจาก TFEX “Robot Trade อาวุธ (ไม่) ลับ สร้างกำไรได้ ด้วยระบบเทรดอัตโนมัติ” ครั้งนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ “Cyborg Trade” แค่ชื่อก็น่าสนใจมากแล้ว แต่จะแตกต่างหรือเหมือนกับการเทรดด้วยมืออย่างไร เราไปดูกันเลย

Cyborg Trade คือการเทรดแบบครึ่งคนครึ่งโรบอต พูดง่ายๆ ว่าเป็นลูกผสมของโรบอตกับคนนั่นเอง แม้ว่าโรบอตจะช่วยให้เราเทรดได้สะดวกมากขึ้น แต่ก็มีบางอย่างที่ต้องอาศัยการวางแผนและตัดสินใจของนักลงทุนเข้ามาช่วย เพื่อให้แผนที่คุณวางไว้ทำงานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ซึ่งในครั้งนี้เรายังคงใช้โปรแกรม MT4 และ EA Indicator ตัวช่วยของเรา มาเริ่มกันที่หัวข้อแรก

การใช้ Trendbars ช่วยประเมิน Risk/Reward

เป็นเครื่องมือหาจุดกลับตัว แบ่งแยกย่อยเป็น 3 ตัว ได้แก่ แท่งเทียน, Tunnel และ Trendbars

– แท่งเทียน

การใช้งานคือเมื่อแท่งกราฟเริ่มเปลี่ยนสี หากเริ่มจาก แดง > เหลือง > เขียว จะนับเป็นสัญญาณซื้อเมื่อปิดแท่งล่าสุด ส่วนสัญญาณขายก็จะเป็นทิศทางตรงข้ามกัน คือ เขียว > เหลือง > แดง ซึ่งควรใช้ Timeframe ที่ใหญ่หน่อยในการตัดสินใจ แต่หากการเคลื่อนไหวของราคาค่อนข้างรุนแรงจนไม่มีแท่งเหลืองมาคั่น คือ จาก แดง > เขียว เลย ให้นับแท่งเขียวแรกเป็น Buy Setup และพิจารณาดูแท่งเขียวถัดไปต้องปิดสูงกว่า High แท่งเขียวแรกถึงจะตามซื้อ (Long) ได้

– Tunnel

หลักๆ เราใช้เป็น Trailing Stop หลังจากที่ได้เปิดสถานะไปแล้ว ใครที่ถือ Long อยู่ หากราคาเคลื่อนลงมาสัมผัสเส้นด้านล่างนั่นคือจุด Stop ส่วนฝั่ง Short เราจะใช้เส้นด้านบนเป็นจุด Stop แทน

– Trendbars

จะอยู่ด้านล่างของกราฟราคา เป็นจุดแทนแท่งบาร์ซึ่งมีทั้งหมด 3 เส้น ได้แก่

เส้นแถวบนเป็นเทรนด์ระยะสั้น

เส้นแถวกลางเป็นเทรนด์ระยะกลาง

เส้นแถวล่างเป็นเทรนด์ระยะยาว

วิธีใช้ เราจะดูจุดแรกที่เปลี่ยนสี ในกรณีสัญญาณขาย หากเป็นสีเขียวมาก่อนแล้วเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจุดแรก ให้นับจุดนี้เป็น Sell Setup แต่จะ Action ต่อเมื่อเกิดแท่งราคาถัดๆ ไปที่ปิดต่ำกว่า Low ของแท่ง Sell Setup เราถึงจะ Short ตาม แต่มีจุดระวังคือหากระหว่างทางที่กำลังรอแท่งปิดต่ำกว่า Low เดิมนั้น มีจุดเขียวเกิดขึ้นมาแทรกแล้วกลับเป็นจุดแดง จะกลายเป็นการล้างสัญญาณ Sell Setup ก่อนหน้านี้ ให้เริ่มนับจุด Sell Setup ใหม่

WaveFibo Autosend เทรดอัตโนมัติตาม Wave

เป็น EA ที่ส่งสัญญาณบอก Wave อัตโนมัติ ซึ่งเราได้ทำความรู้จัก Elliott Wave กันไปบ้างแล้วในตอนที่ผ่านมา ซึ่งประกอบไปด้วย Motive Wave และ Corrective Wave ในปัจจุบันเราเล่นเก็งกำไรขาลงได้จึงนับเป็น Motive Wave ได้ทั้งฝั่งขึ้นและฝั่งลง แต่การนับแบบตำราเดิมก็ไม่ผิดแต่อย่างใด

– Motive Wave

คลื่นหลักประกอบด้วย 5 คลื่นย่อย 1-2-3-4-5

โดย Wave 1, 3, 5 จะเคลื่อนที่ในทิศทางเดียวกับ Trend

และ Wave 2, 4 จะเป็นคลื่นพักตัว

– Corrective Wave

หรือคลื่นที่สวน Trend หลัก ประกอบไปด้วย 3 หรือ 5 คลื่นย่อย ใช้ a-b-c เป็นสัญลักษณ์

แต่หลักการทำงานของ WaveFibo ที่เราจะใช้กันนี้ จะใช้หลักการนับตาม Motive Wave อย่างเดียว โดยเริ่มนับกันที่

– Wave 0 เริ่ม Bet

ซึ่งจะเกิดได้ตลอดเวลา แต่หากเจอในช่วง Wave 5 จะได้ประโยชน์สูงสุดจากการเริ่มต้นเปลี่ยนเทรนด์ โดย Wave 0 จะเกิดขึ้นเมื่อกราฟเริ่มกลับตัวมาแล้ว 2-3 แท่ง เป็นสัญญาณซื้อ โดยใช้หลักการวัดของ Fibonacci ซึ่งเราจะไม่สามารถ Action ที่จุดเริ่มต้นของ Wave 0 ได้ทัน ในการใช้งานจริงหากซื้อไปแล้วผิดทาง เราจะใช้จุดต่ำสุดก่อนหน้าที่เป็นจุดเริ่มต้น Wave 0 เป็นจุด Stop Loss ที่มีนัยยะเพราะเป็น False Signal

– Wave 1 ให้รอ

เพราะราคามักจะย่อใน Wave 2 ซึ่งหลังจาก Wave 1 ปรากฏ เครื่องมือจะช่วยตีแนวรับให้เรา 3 แนว เพื่อเป็นจุดเข้า โดยให้ใช้จุด Low ของ Wave 0 เป็นจุด Stop Loss

– Wave 2 ย่อ Long / เด้ง Short

เป็น Wave ที่มี Risk/Reward ค่อนข้างดี เมื่อจุดเริ่มต้น Wave 2 ปรากฏ เครื่องมือจะช่วยเราตีราคาเป้าหมายต่อไปให้ 4 แนว ซึ่งจะเป็นเป้าของ Wave 3-5 ต่อไป โดยใช้จุด Low ของ Wave 0 เป็นจุด Stop Loss

– Wave 3 ตามติด

ในขาขึ้นจะเกิดขึ้นเมื่อราคาปิดสูงกว่า Wave 1 แล้วทำจุดสูงสุดใหม่ โดยจุดมาร์ก Wave 3 จะขยับขึ้นไปต่อได้หากราคายังทำจุดสูงสุดต่อเนื่อง แต่หากราคาลงหลุด Wave 2 ลงมาต้องเริ่มนับใหม่โดยยังคงเริ่ม Wave 0 ที่เดิม โดยใช้จุด Low ของ Wave 2 หรือ 0 ก่อนหน้านี้เป็นจุด Stop Loss

– Wave 4 ทยอยปล่อยของ

หลักการคล้ายๆ Wave 2 เป็นจุดพักตัวให้ทยอยทำกำไร ซึ่งราคาห้ามลงหลุดต่ำกว่า Wave 2 ไม่อย่างนั้นต้องคำนวณใหม่เช่นกัน โดยใช้จุด Low ของ Wave 2 เป็นจุด Stop Loss

– Wave 5 ทำกำไรที่ปลายทาง

คลื่น Wave 5 มักจะไปได้ไกลสุดและจุดมาร์กจะขยับขึ้นไปต่อได้เรื่อยๆ หรืออาจจะขึ้นสูงสุดได้เพียง Wave 3 ก็ได้ แต่กฎคือห้ามหลุดต่ำกว่า Wave 4 หากหลุดลงมาต้องคำนวณใหม่ โดยใช้จุด Low ของ Wave 4 เป็นจุด Stop Loss หรือตี Trendline เชื่อมจุด Wave 2, 4 เพื่อเป็นจุด Stop Loss เมื่อเปลี่ยนแนวโน้มได้

ทั้งนี้การตั้งค่า Config เราสามารถตั้ง Robot ให้เริ่มต้นเปิดสถานะที่ Wave ใด หรือการทยอยซื้อตามแนวรับกี่ครั้งตามที่ Wave กำหนดค่าให้ มีเป้าหมาย Take Profit ระหว่างทางอย่างไรและ Stop Loss เท่าไร จนถึงการ Trailing Stop ที่มีประสิทธิภาพ โดยสามารถใช้ Trendbars ผสมกับ WaveFibo ได้เพื่อหาจุดกลับตัวที่เร็วขึ้นหรือได้เปรียบมากขึ้น

แก้พอร์ตด้วย V-Machine  

มีหน้าที่ควบคุมความเสี่ยงสถานะของเรา ซึ่งไม่มีเครื่องมือ Indicator ควบคุม เราต้องมีหน้า Trade Setup ของตัวเอง ซึ่งเครื่องมือนี้ออกแบบให้เราเทรดทั้ง 2 ฝั่ง คือ Long และ Short ต่าง Series กัน โดยเน้นปิดสถานะฝั่งกำไรเพิ่มเปอร์เซ็นต์ Win ในการเทรด แต่สิ่งสำคัญเราต้องคำนึงถึงอัตราหลักประกันที่จะเพิ่มขึ้นด้วยหากเพิ่มสถานะ

การ Follow Signal Trade

Robot แต่ละตัวเป็นแค่ Guideline ว่าความเร็วความแม่นยำในการเปิดหรือปิดสถานะเข้ากับเราไหม เหมาะสมกับเงินลงทุนของเราหรือไม่ แต่เราต้องมีหน้า Trade Setup ที่เราชอบหรือที่เราไว้ใจ ไม่อยากให้ดูแค่ Robot ตัวไหนทำผลงานได้ดีก็ใช้ตามโดยไม่ได้ดู Logic ของ Robot ตัวนั้น

NextERA MT5 : ยืนยันทิศทางด้วย VolumeRange and Flow

เป็นเครื่องมือที่อยู่บนโปรแกรม STOCK-MT5 ใช้ดูทิศทาง โดยพิจารณาจาก Volume ของการกดเคาะซื้อขาย ฝั่งไหนชนะหรือมีปริมาณมากกว่า หากมีปริมาณการเคาะซื้อมากกว่า เครื่องมือจะแสดงผลเป็นกราฟเขียวหรือกราฟเขียวอยู่เหนือกว่า แต่หากปริมาณการเคาะขายมากกว่า เครื่องมือจะแสดงผลเป็นกราฟแดงหรือกราฟแดงอยู่เหนือกว่า โดยพิจารณาจากช่วงราคาที่มี Volume มากที่สุด 3 วัน เรียกว่า Mode หากช่วงราคาที่มี Volume นี้ยกตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ คือเป็นสัญญาณที่ดีในฝั่งซื้อ แต่หากช่วงราคานี้เริ่มต่ำลงก็เป็นสัญญาณของฝั่งขาย

และยังสามารถใช้ดู Flow มูลค่าการเคาะซื้อขายหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET50 ได้ โดยพิจารณาภาพรวมว่าหากมูลค่าการเคาะฝั่งใดมากกว่า 1,000 ล้าน และราคามีการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 20% ด้วย ฝั่งนั้นจะได้เปรียบ โดยใช้ Timeframe 30 นาที ในการพิจารณา ซึ่งสามารถเอามาประยุกต์ใช้ในการเทรด TFEX ได้

สุดท้ายการดูสัญญาณหลายๆ ตัว เราควรต้องยึดตัวใดตัวหนึ่งเป็นสัญญาณหลัก โดยตัวอื่นๆ อาจใช้เป็นแค่การ Warning และอย่าลืมพิจารณาเรื่องความเสี่ยงที่เรารับได้และการตัดขาดทุนเป็นหลัก หากเสียหายไม่เยอะพอร์ตของเรายังอยู่ ยังมีโอกาสกลับเข้ามาในสนามนี้ได้ครับ

รับชมย้อนหลัง Workshop “Cyborg Trader: เทรด TFEX ด้วยเทคโนโลยี” ได้ที่

https://setga.page.link/RR3aiVak5fN8gSKU6