ดาวโจนส์พุ่ง 344 จุด ผลประกอบการสดใส

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 แห่งปรับตัวขึ้นเกิน 1%  โดย Nasdaq พุ่งแรง 2.03% เจพีมอร์แกนมีรายได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้  กำไรของเดลต้า แอร์ไลน์สูงเกินคาด นำหุ้นเกี่ยวข้องกับการเดินทางเพิ่มขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง รับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้ออาจจะถึงระดับสูงสุดแล้ว หุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวก  จับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรปพฤหัสฯนี้ คาดนโยบายไม่เปลี่ยนแปลง ด้านราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นต่อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 13 เม.ย. 2565 ปิดที่ 34,564.59 จุด เพิ่มขึ้น 344.23 จุด หรือ 1.01% จากผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่สดใส ขณะที่นักลงทุนยังคงวิเคราะห์เงินเฟ้อเดือนมีนาคมที่พุ่งสูงขึ้นจากการรายงานเมื่อวานนี้

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,446.59 จุด เพิ่มขึ้น 49.14 จุด, +1.12%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,643.59 จุด เพิ่มขึ้น 272.02 จุด, +2.03%

บริษัทใหญ่จำนวนหนึ่งรายงานผลประกอบการเมื่อวานนี้ทั้งจากเจพีมอร์แกน และเดลต้า แอร์ไลน์ ซึ่งมีความชัดเจนมากขึ้นสำหรับนักลงทุน ที่ติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าบริษัทต่างๆ จัดการกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อได้ดีเพียงใด

หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 6.21% จากผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีเกินคาดและบริษัทคาดการณ์ว่าผู้บริโภคยังใช้บริการการบินแม้ราคาตั๋วสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเพิ่มขึ้น โดยหุ้น Expediaเพิ่มขึ้น 4.8% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 10.6% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 5.6% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป เพิ่มขึ้น 5.4% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูส เพิ่มขึ้น 4.0%

หุ้นเจพีมอร์แกนลดลง 3.2% หลังจากรายงานกำไรไตรมาสแรกลดลง 42% แต่รายได้มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เล็กน้อย

เจมี ไดมอน ซีอีโอของธนาคารเตือนว่า ธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้เพิ่มขึ้นสุทธิ 902 ล้านดอลลาร์ เนื่องจาก “ความเสี่ยงด้านลบมีแนวโน้มสูงขึ้น” ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

นักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์ผลการดำเนินงานสำหรับฤดูกาลนี้ จากต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น สงครามในยูเครน และการระบาดใหญ่ที่ยังคงมีอยู่ และคาดว่ารายได้ของบริษัทในดัชนี S&P 500 จะเพิ่มขึ้นเพียง 4.5% ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2020

เงินเฟ้อยังคงเป็นความกังวลหลักของนักลงทุน เพราะจะมีผลกระทบต่อทั้งผู้บริโภคและผลกำไรของบริษัท

กระทรวงแรงงานรายงาน ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 11.2% จากระยะเดียวกันของปีก่อน สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการจัดทำดัชนี และสูงกว่า 10.6%ที่นักวิเคราะห์คาด เมื่อเทียบรายเดือนเพิ่มขึ้น 1.4% สูงกว่า 1.1% ที่นักวิเคราะห์คาด

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลงมาที่ 2.7% หลังจากนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้ออาจจะถึงระดับสูงสุดแล้ว

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวก กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 0.7% นักลงทุนยังวิเคราะห์ข้อมูลเงินเฟ้อเดือนมีนาคมของสหรัฐฯ และของอังกฤษ รวมทั้งจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหภาพยุโรป(ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้

ในอังกฤษหุ้นเทสโก ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่สุดลดลง 2% หลังเตือนว่า ผลการดำเนินงานทั้งปี 2022 อาจจะลดลงจากภาวะเศรษฐกิจ

ทิเนเก ฟริกกี หัวหน้าฝ่ายวิจัยหุ้นจาก Waverton Investment Management กล่าวกับ CNBC ธุรกิจค้าปลีกยากที่จะส่งผ่านเงินเฟ้อไปยังผู้บริโภคและมีแนวโน้มที่จะยอมรับผลกำไรที่ลดลง

เงินเฟ้อเดือนมีนาคมของอังฤษเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบรายปีสูงสุดในรอบ 30 ปี จากราคาอาหารและพลังงานที่สูงขึ้น และสูงกว่า 6.7% ที่นักวิเคราะห์คาด เมื่อเทียบรายเดือนเพิ่มขึ้น 1.1% สูงกว่า 0.7% ที่นักวิเคราะห์คาด

เกอร์พรีท จิลล์ นักกลยุทธ์มหภาคด้าน fixed income ของที่ Goldman Sachs Asset Management กล่าวว่า การประเมินในกรณีฐาน มองว่า นโยบาย ECB จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในการประชุมสัปดาห์นี้ แต่จะเปิดเผยรายละเอียดการยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเดือนกรกฎาคม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 456.78 จุด เพิ่มขึ้น 0.13 จุด หรือ +0.03%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,580.80 จุด เพิ่มขึ้น 4.14 จุด หรือ +0.05%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,542.14 จุด เพิ่มขึ้น 4.73 จุด หรือ + 0.07%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,076.44 จุด ลดลง 48.51 จุด หรือ -0.34%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 3.65 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 104.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 4.14 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 108.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล