ดาวโจนส์ร่วง 413 จุด บอนด์ยีลด์พุ่งสูงสุดรอบ 3 ปี

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐ 3 แห่งร่วงลงแรงกว่า 1% นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งแตะระดับ 2.79% สูงสุดในรอบ 3 ปี จับตาเงินเฟ้อพุ่งสูง ธนาคารกลางสหรัฐ เตรียมที่จะเร่งการปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น หุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลง นำโดยเทคโนโลยี ส่วนราคาน้ำมันดิบลดลงซื้อขายต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 11 เม.ย. 2565 ปิดที่ 34,308.08 จุด ลดลง 413.04 จุด หรือ 1.19% จากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยีลด์) พุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี นักลงทุนรอการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ รวมทั้งข้อมูลทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เตรียมที่จะเร่งการปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้นเพื่อคุมเงินเฟ้อ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,412.53 จุด ลดลง 75.75 จุด,-1.69%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,411.96 จุด ลดลง 299.04 จุด, -2.18%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี พุ่งแตะระดับ 2.79% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2019

ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน และแนวทางนโยบายการเงินของเฟด ยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจ

ในวันอังคาร (12 เม.ย.) สำนักสถิติแรงงานจะรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคล่าสุด ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1982 และเกิดขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ของเฟด ได้ให้ความเห็นมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.50%ในปีนี้ เพื่อกดเงินเฟ้อลดลง

นางลอเร็ตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ให้สัมภาษณ์รายการ “Face the Nation” ของ CBS เมื่อวันอาทิตย์ว่า ยังคงเชื่อว่าเฟดสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ

ดัชนี Nasdaq ลดลง จากแรงขายที่เพิ่มขึ้นในชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขาย เพราะหุ้น growth stock จะได้รับผลกระทบมากที่สุด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น โดยหุ้นไมโครซอฟต์ ลดลง 3.9% หุ้นแอมะซอน ลดลง 2.16% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ลดลง 2.64% หุ้น Nvidia 5.2% ลดลง หุ้นAMD ลดลง 3.6%

ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในวันจันทร์ ท่ามกลางความกลัวว่าการล็อคดาวน์ในจีนจากโควิด-19 จะกดดันอุปสงค์ทั่วโลก ส่งผลให้กลุ่มพลังงานลดลง โดยหุ้นออกซิเด็นทอลปิโตรเลียมลดลงเกือบ 6.3%หุ้นไดมอนด์เอ็นเนอร์จี้ลดลง 4.8% หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ลดลง 4.9%

หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเดลต้าแอร์ไลน์เพิ่มขึ้น 4% หุ้นอลาสก้าแอร์กลรุ๊ปเพิ่มขึ้น 1% หุ้นอเมริกันแอร์ไลน์เพิ่มขึ้น 2.3% หุ้นเซาท์เวสต์แอร์ไลน์เพิ่มขึ้น 3.4% และหุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์โฮลดิ้งส์เพิ่มขึ้น 1.1%

หุ้น AT&T เพิ่มขึ้น 7.7% หลังจากแยกธุรกิจ WarnerMedia ออกเพื่อรวมกิจการกับ Discovery หุ้น Twitter เพิ่มขึ้น 1.7% หลังนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ และบริษัทสเปซเอ็กซ์ ตัดสินใจไม่เข้าร่วมเป็นกรรมการในบอร์ดบริหารของบริษัททวิตเตอร์ หุ้นเทสลาลดลง 4.83%

ฤดูกาลการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุดในสัปดาห์นี้จะแสดงให้เห็นว่าแต่ละบริษัทรับมือกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างไร นักวิเคราะห์ของ Wall Street คาดว่ากำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 ไตรมาสแรกจะเพิ่มขึ้น 4.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเเพิ่มขึ้นช้าที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ปี 2020

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ โดยกลุ่มเทคโนโลยีลดลง 2% นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางหลายประเทศในสัปดาห์นี้และข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ

ธนาคารกลางสหภาพยุโรปจะประชุมกันที่แฟรงก์เฟิร์ตในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินครั้งต่อไป ซึ่งอาจเผชิญความยากลำบากเพราะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างราคาผู้บริโภคที่พุ่งสูงขึ้น กับแรงกดดันต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ อันเนื่องจากสงครามในยูเครน

นักลงทุนยังจับตาสถานการณ์ในยูเครน การรุกรานของรัสเซียทำให้ตลาดน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ผันผวน ซึ่งทำให้หุ้นตกต่ำ

ตลาดยังจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส หลังการลงคะแนนเสียงรอบแรกนายเอ็มมานูเอล มาครง และผู้ท้าชิงขวาจัด นางมารีน เลอ แปง มีคะแนนสูสีกันก่อนเข้าสู่วันเลือกตั้ง 24 เม.ย. หากนางมารีน เลอแปง ชนะจะส่งผลกระทบต่อฝรั่งเศสและยุโรปโดยรวม

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 458.26 จุด ลดลง 2.71 จุด, -0.59%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,618.31 จุด ลดลง 51.25 จุด, -0.67%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,555.81 จุด เพิ่มขึ้น 7.59 จุด, +0.12%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,192.78 จุด ลดลง 90.89 จุด, -0.64%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 3.97 ดอลลาร์ หรือ 4.0% ปิดที่ 94.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือลดลง 4.30 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 98.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล