“น้ำตาลขอนแก่น” เผยไตรมาส 3 ปี 61 พลิกขาดทุนสุทธิ 95 ล้านบาท จากงวดปีก่อนกำไรสุทธิ 58 ล้านบาท ชี้ราคาน้ำตาลโลกลดลงรวดเร็ว ฉุดราคาขายเฉลี่ยวูบ 27%
บริษัท น้ำตาลขอนแก่น (KSL) แจ้งว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 31 ก.ค.2561 ขาดทุนสุทธิ 94.88 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.022 บาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 58.34 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.013 บาท ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 73.88 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.166 บาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,151.25 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.261 บาท
นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ KSL เปิดเผยว่า งวดไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,293 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากงวดเดียวกันของปีก่นมีรายได้รวม 4,191 ล้านบาท แต่ขาดทุนสุทธิ 95 ล้านบาท ลดลง 263% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากความผันผวนของราคาน้ำตาลโลก จากต้นปี 2560 อยู่ที่ 20 เซนต์ต่อปอนด์และลดลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบันอยู่ที่ 10-12 เซนต์ต่อปนด์ เนื่องจากมาจากผลผลิตน้ำตาลในปี 2561 ทั่วโลกมีมากขึ้น
ประกอบการการลอยตัวของราคาขายน้ำตาลในประเทศในปี 2561 ที่เป็นไปตามทิศทางเดียวกับราคาน้ำตาลตลาดโลก ส่งผลให้บริษัทมีราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยในไตรมาสลดลง 27% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนจาก 16,525 บาทต่อตัน เป็น 12,511 บาทต่อตัน แต่มีปริมาณขายน้ำตาลเพิ่มขึ้น 81% จาก 196,221 ตัน เป็น 355,988 ตัน
ส่วนรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้นจากงวดปีก่อน สาเหตุหลักมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินสหรัฐ ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้นและมีค่าใช้จ่ายบางส่วนจากการขนส่งน่ำตาลเพื่อรอการส่งมอบในไตรมาส 4 ปี 2561 แต่บริษัทยังไม่ได้รับรู้รายได้จากการขายสินค้าดังกล่าวในงวดเดียวกัน
นอกจากนี้เนื่องจากฤดูกาลผลิตปี 2561 บริษัทมีปริมาณอ้อยเข้าหีบสูงกว่าปีที่ผ่านมาจากปริมาณอ้อยเข้าหีบ 6.83 ล้านตันอ้อยเป็น 11.03 ล้านตันอ้อย เพิ่มขึ้น 61% ส่งผลให้มีการใช้เงินทุนหมุนเวียนมากขึ้นและมีต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ณ ไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทมีทรัพย์สินรวม 49,796 ล้านบาท หนี้สินรวม 31,247 ล้านบาทและส่วนของผู้ถือหุ้น 18,549 ล้านบาท อัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) 1.68 เท่าและอัตราหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.49 เท่า