TU ดิ่ง 10% หนีกำไรวูบ Q1/65 ช่วงสั้นเจอพิษหั่นเป้าราคา

HoonSmart.com>>นักลงทุนเทกระจาดหุ้น “ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” เพียง 3 วันราคาไหลลงแรง 10% ปิด17.10 บาท ต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมที่ 7 นักวิเคราะห์ให้ช่วง 21-25.50 บาท บล.ทรีนีตี้-หยวนต้าหั่นเป้าหมายเหลือเท่ากัน 23 บาท คาดไตรมาส1/65 กำไรเพียง 1,500 ล้านบาท วูบ22% จากไตรมาส 4 ปีก่อน เจอต้นทุนบาน ถูกลดเป้าหมายกำไร2 ปีติด นักวิเคราะห์คาดระยะสั้นยังมีโอกาสลงต่อ

สัปดาห์นี้ (4-7เม.ย.2565) ราคาหุ้นบริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ปรับตัวลงแรงถึง 1.90 บาทคิดเป็น 10% โดยวันที่ 7 เม.ย. ปิดที่ 17.10 บาท ร่วงลง 1.20 บาทหรือ-6.56% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 1,673 ล้านบาท

บล.ทรีนีตี้ออกบทวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 1,501 ล้านบาท อ่อนตัว 22% จากไตรมาส 4/2564(QoQ) และ 17% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) คาดรายได้รวมอ่อนตัว 9% QoQ หลังเข้าช่วงไลว์ซีซั่น แม้จะมีการปรับราคาขายขึ้น เพื่อสะท้อนต้นทุนค่าขนส่งและบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นบ้าง ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับสูงที่ 18.1% แม้ว่าต้นทุนทูน่าและวัตถุดิบอื่นๆสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม คาดอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งยังฟื้นตัวต่อเนื่องอยู่ บวกกับ product mix สินค้าที่อัตรากำไรขั้นต้นที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นยังเป็นปัจจัยหนุน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดอยู่ในระดับสูงราว 13.2% ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดว่าจะกลับมาเป็นบวก 28 ล้านบาท หลังมีส่วนแบ่งขาดทุน 161 ล้านบาทในไตรมาส 4/2564 จากส่วนแบ่งขาดทุน  Red Lobster ลดลง เนื่องจากเข้า High Season และส่วนแบ่งกำไรจาก Avanti Feed มีแนวโน้มดีขึ้น

” เราปรับประมาณการกำไรปี 2565-2566 ลง 11% และ 13% มาอยู่ที่ 7,188 ล้านบาท ลดลง 10% จากปี 2564 และ 7,410 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3% YoY โดยต้นทุนปลาทูน่าปรับสูงขึ้นมายู่ที่ระดับ 1,900 เหรียญ/ตัน ไม่สามารถส่งผ่านไปยังราคาขายได้ทั้งหมด ขณะที่ต้นทุนค่าขนส่งอาจย่ำแย่กว่าเดิม ”

บล.ทรีนีตี้ปรับราคาเป้าหมายใหม่ที่ 23 บาท แนะนำซื้อ ราคาปัจจุบันยังมี Upside แต่ราคาหุ้นระยะสั้นยังถูกกดดันจากผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวในไตรมาส 1/65

ด้านบล.หยวนต้า คงคำแนะนำซื้อหุ้น TU แต่ปรับราคาเป้าหมายสิ้นปีนี้ลงเป็น 23 บาท อิง P/Eที่ 14 เท่าจากเดิม 16 เท่า เพื่อสะท้อนภาพการเติบโตที่ลดลง หลังปรับมุมมองต่อภาพการเติบโต แม้ว่ารายได้จะทำนิวไฮต่อ แต่ด้วยภาวะต้นทุนที่สูงขึ้น กระทบอัตรากำไรขั้นต้นและค่าขนส่งทางเรือ คงประมาณการกำไรปีนี้ที่ 7,854 ล้านบาท ลดลง 2.7% จากปีก่อน

ส่วนไตรมาสแรกคาดกำไรปกติ 1,489 ล้านบาท -24.4% QoQ และ-23.3% YoY จากต้นทุนที่สูงขึ้น และคาดรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก Red Lobster 50 ล้านบาท จากปีก่อนรับรู้กำไร 81 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2 คาดทรงตัวQoQ และลดลง YoY แม้จะมีการปรับราคาสินค้าแบรนด์ของบริษัทขึ้นราว 5-7% แล้วก็ตาม แต่ต้นทุนวัตถุดิบที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อยังเป็นปัจจัยกดดันหลักต่อไป