HoonSmart.com>>บล.บัวหลวงโชว์กำไรปี64 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2,112 ล้านบาท โต 37% กวาดรายได้ 5,681 ล้านบาท พุ่งขึ้น 71% ปีนี้ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์ พัฒนานวัตกรรม-ให้ความรู้-ออกสินค้าใหม่-บริการเด่น เปิดบัญชีซื้อขายกองทุนที่เดียว Omnibus ได้ครบ 17 บลจ. กอดมาร์เก็ตแชร์หุ้น 5.42% คาดวอลุ่มตลาดใกล้ปีก่อนที่ 9.3 หมื่นล้านบาท บริษัทมี 6 แสนบัญชีเคลื่อนไหว 30% ขาย IPO อย่างน้อย 3 บริษัท เผยความสำเร็จ 2 DR
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง (BLS) เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทสามารถสร้างกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2,112.33 ล้านบาท เติบโต 37% จากปีก่อน ปกติทำได้ปีละ 900-1,000 ล้านบาท มีรายได้รวมสูงถึง 5,680.71 ล้านบาท พุ่งขึ้น 71% มีส่วนแบ่งการตลาดด้านธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 5.42 % ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด (SET+mai) 2,221,547 ล้านบาท อยู่ในลำดับที่ 4 ของบล.ทั้งหมด 38 บริษัท ดีขึ้นจากปี 2563 อยู่อันดับที่ 6 ส่วนแบ่งตลาด 4.92% ขณะที่มีส่วนแบ่งการตลาดการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 4.77% อยู่ในลำดับที่ 6 ของบล.ทั้งหมด 40 บริษัท และอยู่ในลำดับ 3 ของผู้เสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) จำนวน 886 ตัว
นอกจากนี้ธุรกิจกองทุนก็ดีขึ้น แม้ว่าบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล (BCAP) เป็นธุรกิจใหม่ ออกกองทุนใหม่ 5 กองทุน มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มูลค่า 67,745 ล้านบาท ส่วนการบริหารกองทุนที่ออกไปลงทุนยังต่างประเทศ ที่สหรัฐอเมริกา เวียดนาม และฮ่องกง มูลค่า 10,869 ล้านบาท เติบโต 73%
“บล.บัวหลวงไม่ได้ดูเรื่องมาร์เก็ตแชร์ เพราะการคิดค่าคอมมิชชันเสรี ส่วนแบ่งตลาดไม่ได้สะท้อนรายได้ของเรา ในปี 64 มีกำไรและรายได้สูงขึ้นมาก เพราะผลงานของบริษัท และตลาดโดยรวมดีขึ้นมาก ทั้งมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูง 93,846 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% และมีจำนวนบัญชีซื้อขายใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1,707,122 บัญชี เพิ่มขึ้น 129% จากปี 2563 มีบัญชีทั้งหมด 7.47 แสนบัญชี ปกติบัญชีใหม่เพิ่มปีละ 4 แสนบัญชี นอกจากนี้ผู้ลงทุนรายย่อยยังคงมีสัดส่วนสูงสุด 47% จาก 44% ในปี 63 และ34% ในปี 62 ตามด้วยสัดส่วนนักลลงทุนต่างชาติ 37% “นายพิเชษฐกล่าว
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวงกล่าวว่า น่าจะยังคงเติบโตดี คาดมูลค่าการซื้อขายจะใกล้เคียงกับปีก่อน กว่า 9.3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีหลายปัจจัยทำให้ตลาดผันผวนก่อให้เกิดการซื้อขายบ่อย แต่จำนวนนักลงทุนหน้าใหม่คงไม่มากเท่า โดยบริษัทยังคงกลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมและการให้ความรู้แก่นักลงทุน เสนอบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อรักษามาร์เก็ตแชร์ ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ระดับ 5.42% ณ สิ้นปี 2564 BLS มีบัญชีทั้งหมด 600,000 บัญชี ซึ่งมีการเคลื่อนไหวซื้อขายประมาณ 30%
บริษัทวางเป้าหมายเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมต่อเนื่อง ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ และการอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน ในปีนี้นักลงทุนจะสามารถเปิดบัญชีซื้อขายกองทุนรวมแบบ Omnibus ได้ครบจาก 17 บริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) ชั้นนำ และมีกองทุนให้เลือกลงทุนกว่า 100 กอง ผ่านแอปพลิเคชั่น Streaming Fund Plus ไม่ต้องไปเปิดบัญชีในแต่ละบลจ. และบริษัทเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการใช้บริการยืนยันตัวตน เปิดบัญชีซื้อขายได้แล้วที่ 7-Eleven ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส เพียงใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว ซึ่งการยืนยันตัวตนนี้ จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้ลูกค้าปลอดภัยมากขึ้นจากภัยการหลอกลวงทางออนไลน์ ส่วนปีที่ผ่านมา มีการเปิดช่องทางให้ลูกค้าเปิดบัญชีซื้อขายผ่านแอปพลิเคชั่น mBanking ของธนาคารกรุงเทพทั้ง iOS และ Android ได้สะดวกขึ้น ง่าย และรวดเร็ว อนุมัติทันใจภายใน 15 นาที
นายพิเชษฐ กล่าวว่า อีกกลยุทธ์บริษัทให้ความสำคัญมาตลอดคือ การให้ความรู้นักลงทุน โดยการจัดโครงการ The Stock Master ต่อเนื่องมาถึงปีที่ 10 แล้ว ในปีที่ผ่านมาได้สอนผ่านห้องเรียนออนไลน์ในสไตล์ Invest from Home เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน พร้อมมีช่องทางโซเชียลบนยูทูบ เฟซบุ๊ก ให้นักลงทุน เข้ามาหาข้อมูลและเรียนรู้อย่างสะดวกสบาย อยู่ที่ไหนก็เรียนรู้ได้ ทำให้มือใหม่สามารถวางแผนและวางเป้าหมายการลงทุนด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้และมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทพัฒนาหลักสูตรอบรมและช่องทางต่างๆ ให้ลูกค้าเข้าถึงโดยง่ายทั้งบทวิเคราะห์ และการเข้าถึงความรู้ใหม่ๆ ด้านการลงทุน เพื่อหาแนวทางการลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง
ส่วนของธุรกิจวาณิชธนกิจ (IB) คาดว่าในปีนี้จะเป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) อย่างน้อย 3 บริษัท และมุ่งเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้ลูกค้าลงทุนได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง โดยปีนี้ได้ต่อยอดความสำเร็จจากการเป็นเจ้าแรกของไทย ในการเสนอขายตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ Depositary Receipt (DR) ปลดล็อคข้อจำกัดนักลงทุนไทยที่สนใจเข้าไปลงทุนหุ้นตลาดต่างประเทศ สามารถซื้อขายได้เสมือนหุ้นไทยแบบ Real-Time โดยออก DR ตัวที่สอง “DIAMOND” เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่ง DR ตัวแรกให้ผลตอบแทนที่ดีประมาณ 70% สำหรับการถือลงทุนประมาณ 2 ปี และ DIAMOND ให้ผลตอบแทนประมาณ 7% สำหรับการลงทุนไม่ถึงสัปดาห์ ขณะเดียวกันยังมีสภาพคล่องซื้อขายในตลาด บริษัทอยู่ระหว่างการเฟ้นหาตราสารอ้างอิงอื่นๆ เพื่อเสนอขาย DR ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน
“เราเชื่อว่าในปี 2565 สภาวะตลาดจะยังคงมีความผันผวนและมีสถานการณ์ที่ท้าทายอีกมากมาย เราจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือทางการเงิน เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนกระจายความเสี่ยง และมีผลการลงทุนที่ดี ตามแนวคิดที่เราจะเป็น Your Trusted Investment Partner…” นายพิเชษฐกล่าวย้ำ