JDF ปิดวันแรก 5.50 บาท เหนือจอง 111.54% บิ๊กล็อต 11 ล้านหุ้น

HoonSmart.com>>หุ้น JDF ปิดเทรดวันแรกที่ 5.50 บาท แจกกำไรถึง 111.54% เปิดบิ๊กล็อต 11 ล้านหุ้น โบรกฯให้ราคาเป้าหมาย 3.80 บาท มองผลงานปี 65 โตอย่างมีนัยสำคัญ  คาดกำไรสุทธิ  74-83 ล้านบาท เติบโต 69-71.6%  เล็งรายได้จากต่างประเทศฟื้นจากสถานการณ์โควิด-วิกฤตขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ดีขึ้น

หุ้นบริษัท เจดีฟู้ด (JDF) ฤกษ์ดีเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์(SET) วันที่ 7 เม.ย.2565 ปิดเทรดวันแรกที่ 5.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.90 บาท หรือ +111.54% จากราคขาย IPO ที่ 2.60 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 6,771.08 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.20 บาท ขึ้นสูงสุด 5.50 บาท และต่ำสุด 3.14 บาท

นอกจากนี้ มีรายการบิ๊กล็อตหุ้น JDF 9 รายการ จำนวน 11 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขาย 28.60 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 2.60 บาท

บล.เคทีบีเอสที ประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ของ JDF ที่ 3.80 บาท ใช้วิธี 2566 PER ที่ 27.5 เท่า โดยอิงจากค่าเฉลี่ยของคู่แข่งที่มีลักษณะธุรกิจที่ใกล้เคียงกันในตลาดได้แก่ NRF, NSL, RBF, SNNP, TKN และ XO โดยมีมุมมองว่าผลการดำเนินงานของปี 2565 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ  ประเมินกำไรสุทธ ที่ 74 ล้านบาท  (+69% YoY) จากการคาดว่าสถานการณ์โควิด และวิกฤติขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ดีขึ้น ทำให้รายได้จากต่างประเทศฟื้นตัวดีขึ้น นอกจากนี้บริษัทกำลังขยายตลาดไปต่างประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะโซน CLMV ทำให้เพิ่มฐานลูกค้ามากขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งใจตั้งสำนักงานและหน่วยวิจัยในตลาดต่างประเทศอีกด้วย

JDF เป็นผู้นำผลิตและจำหน่ายวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสมอาหารหลัก โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักคือ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร, บริการอาหาร และลูกค้าทั่วไป โดยมีรายได้จากการขายทั้งในและนอกประเทศ จึงชอบในความสม่ำเสมอของการเติบโตของรายได้ในอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญฝ่าย R&D เป็นอย่างมาก ที่จะช่วยสร้างความโดดเด่นรสชาติของสินค้า และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และผู้บริโภค ทำให้ลูกค้ายากต่อการเปลี่ยน Supplier

บล.โกลเบล็ก เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ ประเมินมูลค่าด้วยวิธี P/E Ratio โดยอิงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ของหุ้นกลุ่มที่มีลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกัน ได้แก่ RBF NSL และ XO ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ PER เฉลี่ยที่ 30.0 เท่า โดยประเมินกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2565 ที่ราว 0.14 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสม ที่ 4.20 บาทต่อหุ้น

ผลประกอบการปี 2565 คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยมีสาเหตุหลักจาก 1)เครื่องปรุงรสอาหารที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร British Retail Consortium (BRC) จากสมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีก อังกฤษ จะทำให้บริษัทเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเชนร้านอาหารขนาดใหญ่ได้มากขึ้น 2)กำลังซื้อจากลูกค้าเดิมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่กลับมาหลังการเปิดเมือง 3)การเข้าสู่ตลาดใหม่ โดยการเพิ่มสายการผลิต ผลิตภัณฑ์กลุ่มแป้งชุบทอบสาเร็จรูป Batter Mix 4) ธุรกิจ B2C มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตั้งแต่ ม.ค. 2565 ภายใต้ตราสินค้า “GOOD EATS” ซึ่งเป็นซุปสาเร็จรูปไม่ใส่ผงชูรส (วางจำหน่ายผ่านช่องทาง Online และ Modern Trade) 5)ขยายตลาดสู่ CLMV โดยประมาณการรายได้ปี 2565 ราว 602.9 ล้านบาท เติบโต +9.0%YoY พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2565 ราว 83.0 ล้านบาท เติบโต +71.6%YoY