ดาวโจนส์ปิดร่วง 280 จุด วิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยทำเศรษฐกิจชะลอ

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วง ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 280 จุด วิตกเฟดอาจเร่งขึ้นดอกเบี้ย อาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ตลาดรอรายงานประชุมเฟด ราคาน้ำมันดิบลดลง ด้านตลาดหุ้นยุโรปมีทั้งบวกและลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 5 เมษายน มีนาคม 2565 ปิดที่ 34,641.18 จุด ลดลง 280.70 จุด หรือ 0.80% จากที่เปิดในแดนบวก หลังนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่าเฟดอาจดำเนินการในเชิงรุกในการปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น ทำให้เกิดความกังวลว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ขณะที่ตลาดรอการเปิดเผยรายงานการประชุมเดือนมีนาคมของเฟดในวันพุธ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,525.12 จุด ลดลง 57.52 จุด, -1.26%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,204.17 จุด ลดลง 328.39 จุด, -2.26%

นางเบรนาร์ด กล่าวว่า คณะกรรมการ FOMC “เตรียมพร้อมที่จะดำเนินการอย่างแข็งขัน” หากตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อและการคาดการณ์เปิดให้ดำเนินการ ซึ่งอาจรวมถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกและการลดขนาดงบดุลที่มีขนาดเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์ให้เร็วขึ้น โดยชี้ว่ากระบวนการลดขนาดงบดุลของเฟดสามารถเริ่มได้ทันทีที่การประชุมครั้งต่อไปของเฟดในเดือนพฤษภาคม

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลงมากที่สุด ส่วนหนึ่งมาจากหุ้นผู้ผลิตชิป โดยหุ้นNvidia ลดลง 5.2% และหุ้น AMD ลดลงมากกว่า 3% บางส่วนเชื่อว่าบริษัทเทคโนโลยีอาจได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด จากการที่นักลงทุนลดความเสี่ยงลงและซื้อหุ้นที่มีกำไรคงที่ มากกว่าหุ้นเติบโต

สมาชิกเฟดคนอื่นๆ ยังบ่งชี้ว่า สนับสนุนการปรับนโยบายให้เข้มงวดมากขึ้นในระยะสั้น นางแมรี ดาลี ประธานเฟดซานฟรานซิสโก ให้สัมภาษณ์ไฟแนนเชียลไทมส์ว่า โอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%หรือการปรับขึ้น 2 เท่าของการปรับเพิ่มขึ้นตามปกติต่อการประชุมหนึ่งครั้งของธนาคารกลาง “เพิ่มสูงขึ้น”

ควินซี ครอสบี้ หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านตราสารทุนของ LPL Financial กล่าวว่า เฟดได้ชี้แจงอย่างชัดเจนแล้วว่าจะดำเนินการเพื่อคุมเงินเฟ้อและทำทุกวิถีทางอย่างแข็งขันเพื่อไม่ให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และจะดำเนินการอย่างเต็มที่มากกว่าปี 2017 มากกว่าปี 2018

นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับาภาวะเศรษฐกิจถดถอย และดอยช์แบงก์ ได้กลายเป็นธนาคารรายใหญ่แห่งแรกในวอลล์สตรีต ที่คาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะเจอภาวะเศรษฐกิจในสิ้นปีหน้า จากการที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อคุมเงินเฟ้อ

เดวิด โฟลเคิร์ตส-แลนเดา และ ปีเตอร์ ฮูเปอร์ นักเศรษฐศาสตร์ของดอยช์แบงก์ กล่าวว่า “ตอนนี้เราคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถดถอยโดยสิ้นเชิงภายในปลายปีหน้า และต้นปี 2024โดยเศรษฐกิจติดลบสองไตรมาสและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.5% กรณีฐานของเราคือสถานการณ์นี้จะขยายผลไปกระทบการเติบโตในส่วนอื่น ๆ ของโลกและในขณะเดียวกันดึงเงินเฟ้อกลับสู่ระดับที่กำหนด ลดความเสี่ยงที่จะชะงักมากขึ้นในอนาคต”

แต่เวโรนิกา วิลลิส นักวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุนของ Wells Fargo Investment Instituteกล่าวว่า ไม่คิดว่าเฟดจะผลักดันเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงจากที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ แต่ยังเติบโตในระดับอัตราเฉลี่ย

สถาบันจัดการด้านอุปทาน(ISM) รายงานดัชนีภาคบริการเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 58.3

กระทรวงพาณิชย์รายงาน การขาดดุลการค้าเดือนกุมภาพันธ์มีมูลค่า89.2 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 0.1% แม้การนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.3%มีมูลค่า 317.8 พันล้านดอลลาร์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้น 1.8% มีมูลค่า 228.6 พันล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

นักลงทุนเตรียมรับฤดูกาลผลประกอบการไตรมาสแรกที่จะเริ่มในสัปดาห์หน้า

ตลาดหุ้นยุโรปมีทั้งบวกและลบ โดยกลุ่มสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น 2% ส่วนกลุ่มก่อสร้างและวัสดุลดลง 1.8% นักลงทุนยังเกาะติดสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ รวมทั้งท่าทีของธนาคารกลางทั่วโลกในการคุมเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

สหรัฐฯ และยุโรปกำลังพิจารณาคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ หลังกล่าวหาว่าการสังหารพลเรือนในยูเครน โดยคณะกรรมาธิการยุโรปเสนอห้ามซื้อถ่านหินรัสเซีย
สหรัฐอเมริกาจะขอให้สมัชชาสหประชาชาติขับรัสเซียออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) จากการที่ยูเครนกล่าวหาว่าทหารรัสเซียได้สังหารพลเรือนจำนวนมากในเมืองบูชา ใกล้กับกรุงเคียฟเมืองหลวง

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)รวมยูโรโซนเดือนมีนาคมลดลงมาที่ 54.9 จาก 55.5 เดือนกุมภาพันธ์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 463.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.88 จุด, +0.19%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,613.72 จุด เพิ่มขึ้น 54.80 จุด, +0.72%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,645.51 จุด ลดลง 85.86 จุด, -1.28%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,424.36 จุด ลดลง 93.80 จุด, -0.65%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมลดลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 101.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือน ลดลง 89 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 106.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล