“คิงส์ฟอร์ด” คาดแนวโน้มหุ้นทรงตัว แนะ SNNP-IP

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองตลาดหุ้นทรงตัวรอประเมินปัจจัยบวกช่วงก่อนวันหยุด แนวต้านดัชนี 1,710 จุด แนวรับแรก 1,695 จุด แนะเก็งกำไร AOT, CENTEL, VRANDA, CPN, GUNKUL, RBF หุ้นเด่นประจำวัน SNNP-IP

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,690 – 1,695 จุด โดยมีแนวต้าน 1,710 จุด คาดทรงตัวรอประเมินปัจจัย +/- ในช่วงก่อนวันหยุด แนะนำเก็งกำไร AOT, CENTEL, VRANDA, CPN / GUNKUL, RBF ( +ผลิตภัณฑ์กัญชงคาดเริ่มเข้าสู่ตลาดใน Q2 นี้ )

ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA ปิด +0.30%, S&P500 +0.81%, Nasdaq +1.90% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย Twitter +27% หลัง SEC สหรัฐรายงานอีลอน มัสก์ถือหุ้น 9.2% เป็นสัดส่วนสูงสุดสำหรับบุคคลนอกบริษัท ขณะที่เทสลา +5.6% รับยอดส่งมอบรถยนต์ Q1/65 จำนวน 310,048 คัน สูงกว่าคาด ส่วน ก.พาณิชย์สหรัฐเผยคำสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงาน ก.พ. -0.50% ตามคาดเนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบ

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.84% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +2% ขณะที่สหรัฐและยุโรปเตรียมเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หลังพบผู้เสียชีวิต 410 รายในเมืองบูชาทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ SNNP* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 19.10 บาท) บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 65 ที่ไม่ต่ำกว่า 15% และ GPM ที่สูงกว่าปีก่อนที่ระดับ 26% ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนร่วมกับ Supplier ทั้งในแง่ของต้นทุนค่า Packaging และปรับสูตรส่วนผสมโดยไม่กระทบต่อรสชาติ

นอกจากนี้ยังมองหาช่องทางในการเพิ่มสินค้าใหม่ที่มี Margin สูงมากขึ้นกว่าเดิม ระยะสั้นแนวโน้มยอดขายใน 1Q65 ดีขึ้นต่อเนื่อง QoQ, YoY ตามการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว โดยมีการออกสินค้าใหม่โลตัสหนังไก่ทอดและน้ำผลไม้รวมผสมน้ำใบกัญชา ขณะที่เจเล่บิวตี้ที่ส่งออกไปยังอินโดนีเซียได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีแผนลงทุนเพิ่มกับ Partner ผลิตและจำหน่ายสินค้าในอินโดนีเซียในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้า

หุ้น IP* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 26.00 บาท) Covid-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิด awareness ต่อ อาหารเสริม และ ผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพ ด้านทางบ.ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 1.8 พันลบ.(จากปีก่อน 920 ลบ.) โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตจาก 1.ธุรกิจยา ซึ่งได้เข้าไปซื้อโรงงานของเทวาฟาร์ในช่วงปีก่อน

ขณะที่ปีนี้เตรียมปิดดีลจากเข้าซื้อหุ้น 88.67% ของบริษัท ดรัก แคร์ จำกัด ผู้นำธุรกิจร้านขายยาภายใต้แบรนด์ “LAB PHARMACY” (ปัจจุบัน มีสาขากว่า 20 แห่ง) 2.การร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อทำผลิตภัณฑ์อาหารเสริม(ASIAN;MARIA, TU;C VITA) ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 จะขยายต่อเนื่องโดดเด่นจากปี 64 ที่ 0.36 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.52 บาท/หุ้น, และ 0.70 บาท/หุ้น ตามลำดับ