บล.กสิกรไทยขยับแนวต้าน 1,735 จุด จับตาฟันด์โฟลว์สัปดาห์นี้

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับแรก 1,690  จุด และถัดไปที่ 1,670 ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมี.ค. สถานการณ์โควิด ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์ตึงเครียดยูเครน ด้านค่าเงินบาท ธนาคารกสิกไทยคาดเคลื่อนไหวที่ 33.00-33.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (4-8 เม.ย.65) ว่า ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,690 และ 1,670 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,720 และ 1,735 จุด ตามลำดับ

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมี.ค. ของไทย สถานการณ์โควิด-19 ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขนำเข้าและส่งออก ยอดสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานเดือนก.พ. บันทึกการประชุมเฟด รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตและยอดค้าปลีกเดือนก.พ. ของยูโรโซน

หุ้นดีดตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครนรอบวันที่ 29-30 มี.ค. ผลการประชุมกนง. ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ ตลอดจนการคลายล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมของทางการในช่วงปลายสัปดาห์ อย่างไรก็ดี หุ้นย่อตัวลงสั้นๆ ในระหว่างสัปดาห์ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่คืบ ส่งผลให้สถานการณ์ความขัดแย้งยืดเยื้อต่อไป

ในวันศุกร์ (1 เม.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,701.31 จุด เพิ่มขึ้น 1.46% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 74,425.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.99% ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 6.87% มาปิดที่ 672.17 จุด

สำหรับค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (4-8 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 33.00-33.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ  หลังจากเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 เดือนที่ 33.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ต้นสัปดาห์ ก่อนฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วน เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงแรกตามสกุลเงินเอเชีย นำโดย เงินเยน (ที่ร่วงลงหลังธนาคารกลางญี่ปุ่นส่งสัญญาณสกัดการพุ่งขึ้นของบอนด์ยีลด์ญี่ปุ่น) และเงินหยวน (ที่อ่อนค่าลงจากความกังวลต่อโควิดในจีน)

อย่างไรก็ดีเงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้ในระหว่างสัปดาห์รับความหวังต่อการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ย่อตัวลงก็ช่วยหนุนสกุลเงินเอเชียด้วยเช่นกัน  แต่เงินบาทอ่อนค่ากลับมาอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชันก่อนการรายงานตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ประกอบกับนักลงทุนรอจับตาการเจรจาระหว่างรัสเซีย-ยูเครนอย่างใกล้ชิด

ในวันศุกร์ (1 เม.ย.) เงินบาทปิดตลาดที่ 33.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.57 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (25 มี.ค.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 28 มี.ค.-1 เม.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยรวม 12,438 ล้านบาท และมีสถานะเป็น NET INFLOW ในตลาดพันธบัตร 5,660 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 9,921 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 4,261 ล้านบาท)