ก.ล.ต.สั่งปรับ 9 ราย อินไซด์ฯหุ้น TU รวม 13 ล้านบ.

HoonSmart.com>>ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 9 ราย กรณีซื้อหุ้นบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป  (TU) เมื่อปี 2560 โดยอาศัยข้อมูลภายใน เปิดเผยข้อมูลภายใน และช่วยเหลือการกระทำความผิด โดยให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินรวม 13,363,281 บาท

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. 2560 บุคคลจำนวน 9 ราย ได้แก่ (1) นายไกรสร จันศิริ (ขณะกระทำความผิดดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ TU) (2) นายดิสพล จันศิริ (3) นายชาน ฮอน กิต (ขณะกระทำความผิดดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัทในเครือ TU) (4) นายชาน ติน ซู  (5) นางไฉ่ เหวียน จู  (6) นายชวน ตั้งจันสิริ (ขณะกระทำความผิดดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ TU) (7) นางเฉิน อวี้ เจิน (8) นายชาน ฮอน ฮุง และ (9) นางหุย ปุย หวา ได้ซื้อหุ้น TU โดยอาศัยข้อมูลภายใน (อินไซด์เดอร์เทรดดิ้ง)  เปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่น หรือช่วยเหลือการกระทำความผิดดังกล่าว

นายไกรสร นายชาน ฮอน กิต และนายชวน ได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2560 ของ TU ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 1,736.84 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ  ถึง 23.07% จากไตรมาส 2/2560 และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาส 3 ปี 2559)  ประมาณ 8.93%

ในระหว่างวันที่ 9 ต.ค. – 3 พ.ย. 2560 นายไกรสรได้ซื้อหุ้น TU โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายดิสพล (บุตรชาย) ขณะที่นายชาน ฮอน กิต ได้ซื้อหุ้น TU ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง และเปิดเผยข้อมูลภายในแก่นายชาน ติน ซู (บุตรชาย) และนางนางไฉ่ เหวียน จู (ภรรยา) ซึ่งนายชาน ติน ซู และนางไฉ่ เหวียน จู ได้นำข้อมูลภายในที่ได้รับดังกล่าว ไปใช้ซื้อหุ้น TU ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง

นอกจากนี้ ยังพบว่า นายชวนได้ซื้อหุ้น TU ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางเฉิน อวี้ เจิน (เพื่อน) และบัญชีของอา เพื่อประโยชน์ของตนเองและอาตามลำดับ รวมถึงเปิดเผยข้อมูลภายในแก่นายชาน ฮอน ฮุง (พี่ชาย) ซึ่งนายชาน ฮอน ฮุง ได้นำข้อมูลภายในที่ได้รับการเปิดเผยจากนายชวนไปใช้ซื้อหุ้น TU ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง และได้เปิดเผยข้อมูลภายในแก่นางหุย ปุย หวา (ภรรยา) ซึ่งนางหุย ปุย หวา ได้นำข้อมูลภายในดังกล่าวไปใช้ซื้อหุ้น TU ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง ต่อมา TU ได้เปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 6 พ.ย. 2560

การกระทำของนายไกรสร นายชาน ฮอน กิต นายชาน ติน ซู นางไฉ่ เหวียน จู นายชวน นายชาน ฮอน ฮุง และนางหุย ปุย หวา เป็นความผิดฐานซื้อหุ้น TU โดยอาศัยข้อมูลภายในตามมาตรา 242(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ

นอกจากนี้ การกระทำของนายชาน ฮอน กิต นายชวน และนายชาน ฮอน ฮุง ยังเป็นความผิดฐานเปิดเผยข้อมูลภายในตามมาตรา 242(2) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน

ส่วนการกระทำของนายดิสพล และนางเฉิน อวี้ เจิน เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานซื้อหุ้น TU โดยอาศัยข้อมูลภายในตามมาตรา 315 ประกอบมาตรา 242(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับบุคคลทั้ง 9 ราย โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ได้แก่ ค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด และมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์  โดยนายไกรสรจะต้องชำระเงินทั้งสิ้น 3,426,809 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 14 เดือน นายดิสพล จะต้องชำระเงินจำนวน 551,809 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 9 เดือน นายชาน ฮอน กิต จะต้องชำระจำนวน 2,406,309 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 12 เดือน นายชาน ติน ซู จะต้องชำระจำนวน  891,809 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 12 เดือน

นางไฉ่ เหวียน จู จะต้องชำระ 806,809 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 12 เดือน นายชวนจะต้องชำระ 1,701,809 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 14 เดือน นางเฉิน อวี้ เจิน จะต้องชำระ 551,809 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 9 เดือน นายชาน ฮอน ฮุง จะต้องชำระ 2,164,309 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 12 เดือน และนางหุย ปุย หวา จะต้องชำระจำนวน  861,809 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 12 เดือน

การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่อัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติโดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด

ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง